10 เมษายน 2563, กรุงเทพฯ มหานคร – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำโดย นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายศรัณย์ รัตนรุ่งเรืองชัย ผู้จัดการทั่วไป บริหารกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ส่งมอบผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ซีเล็ค จำนวน 80,000 กระป๋อง ผ่านมูลนิธิสติ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 จำนวน 20,000 ครัวเรือนในกรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจาก นายเสกสรร รวยภิรมย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสติ เป็นผู้รับมอบ
โดยก่อนหน้า ตลอดช่วงเวลาฝ่าวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ส่งกำลังใจและผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปไปยังบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันเป็นกำลังสำคัญเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 รวมถึงประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไทยยูเนี่ยน ไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้บริจาคผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า แบรนด์คิง ออสการ์ จำนวนกว่า 52,000 กระป๋อง โดยการขนส่งผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าชุดแรก ไปยังโรงพยาบาลโรงพยาบาลเหลยเสินซาน (Leishenshan Hospital) ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสองโรงพยาบาลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 และการขนส่งผลิตภัณฑ์ชุดที่สองได้ถูกส่งไปให้กับโรงพยาบาลกว่า 15 โรงพยาบาล ในเมืองอู่ฮั่น และหนึ่งในนั้นคือโรงพยาบาล Wuhan Union ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากไวรัส COVID-19 อู่ฮั่น
จากนั้นได้เข้ามอบผลิตภัณฑ์แบรนด์ซีเล็ค และฟิชโช่ มูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อส่งต่อไปยังบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและโรงพยาบาลของรัฐ ที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน และทุ่มเทกับการรับมือสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยได้รับเกียรติจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลบำราศนราดูร เป็นผู้รับมอบ
ต่อเนื่องด้วยความร่วมมือกับหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส่งมอบผลิตภัณฑ์ทูน่า อินฟิวชั่น (Tuna Infusions) บาย ซีเล็ค ทูน่า” ซึ่งเป็นทูน่าปรุงรสบรรจุในถ้วย และมีส้อมใต้ฝา พร้อมทาน จำนวน 42,000 กระป๋อง ผ่านสภากาชาดไทย เพื่อส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สืบเนื่องมาจากการประกาศใช้มาตรการการป้องกันการระบาดของโรคดังกล่าวอย่างเคร่งครัดในทวีปยุโรป Thai Union-MerAlliance ในประเทศฝรั่งเศสได้บริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อความปลอดภัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ หมวกอนามัย 5000 ชิ้น, เสื้อแลป (สำหรับใช้ครั้งเดียว) 1,000 ตัว ผ้ากันเปื้อน 38,000 ชิ้น ที่โรงพยาบาลแก็งแปร์ (Quimper) รวมถึงได้เชิญชวนเครือข่ายอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารเพื่อช่วยจัดเตรียมสิ่งของจำเป็น ได้แก่ เสื้อแลป หน้ากากอนามัยและถุงมือ เพิ่มเติม ในขณะที่โรงงาน Petit Navire ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยนยุโรปบริจาคหน้ากาก FFP2 จำนวน 24,000 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลในภูมิภาคด้วย
ในขณะเดียวกัน แบรนด์ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี ในสหรัฐอเมริกา มอบผลิตภัณฑ์ทูน่า แซลมอนกระป๋องสำเร็จรูป และอื่นๆ จำนวนกว่า 500,000 กระป๋อง ให้กับประชาชนในชุมชนใกล้พื้นที่ดำเนินการของโรงงาน ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดดังกล่าว
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน
No comments:
Post a Comment