ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล
โชว์ฟอร์มปี 66 นิวไฮขยายสาขาตามเป้า 14 แห่ง
พร้อมส่งสาขาที่ 79 สู่จังหวัดยโสธร
เดินหน้าสู่ค้าปลีกยั่งยืน
กรุงเทพฯ 21 ธันวาคม 2566 – ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล โชว์ฟอร์มแกร่งกับการเปิด 14 สาขาในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่มีการขยายสาขามากที่สุด โดยชู 3 แนวคิดหลัก ดันไทวัสดุให้เป็นมากกว่าร้านค้าปลีกสินค้า วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน มุ่งมั่นตอกย้ำความเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย พร้อมส่งสาขาสุดท้ายของปีด้วย ‘ไทวัสดุ สาขายโสธร’ สาขาลำดับที่ 79 ของประเทศ
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า ตลอดปี 2566 ไทวัสดุได้เร่งเดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้นตามดีมานด์ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่เติบโต ด้วยอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยในปีนี้ไทวัสดุ สามารถขยายสาขาได้รวม 14 สาขา ได้แก่
1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขารังสิต คลอง 4 2. ไทวัสดุ สาขาโคราช หัวทะเล 3. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาภูเก็ต ฉลอง 4. ไทวัสดุ สาขากำแพงเพชร 5. ไทวัสดุ สาขาชัยนาท 6. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเมืองเอก 7. ไทวัสดุ สาขาเลย 8. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาสมุทรปราการ 9. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเชียงใหม่ สันทราย 10. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาบางใหญ่ 11. ไทวัสดุ สาขาศรีสะเกษ และ 12. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขานครอินทร์ 13. ไทวัสดุ สาขานครสวรรค์ และ 14. ไทวัสดุ สาขายโสธร ทำให้ปัจจุบันไทวัสดุมีสาขารวมทั่วประเทศ 79 แห่ง ครอบคลุมทุกโมเดลของไทวัสดุ ทั้ง Red Format ไทวัสดุรูปแบบมาตรฐาน และ White Format โมเดลธุรกิจที่ผนึกความแข็งแกร่งระหว่างไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม รวบรวมสินค้าทั้งวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร โดยในทุกๆ ครั้งที่ขยายสาขาไทวัสดุได้ยึดมั่นใน 3 กลยุทธ์ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าปลีกในทุกมิติ ดังนี้
• ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี – ในทุกๆ การขยายสาขาไทวัสดุยังคงยึดมั่นในสโลแกน ‘ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี’ โดยมีเป้าหมายให้ไทวัสดุในทุกสาขาและทุกฟอร์แมทเป็นศูนย์รวมเรื่องบ้านอย่างครบวงจร นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 40,000 รายการสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา ช่าง หรือเจ้าของบ้าน
• องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืน – ไทวัสดุ สานต่อจุดยืน ของเซ็นทรัล รีเทล ตามแนวคิด Green & Sustainable Retail มุ่งมั่นในการเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ที่เดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
โดยร้านไทวัสดุได้มีการติดโซลาร์รูฟในทุก ๆ สาขา พร้อมทั้งเป็นผู้ริเริ่มในการนำรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาดหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% เข้ามาใช้ในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ถึงแม้จะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงแต่หากมองถึงในระยะยาวนั้นก็เป็นนโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้ทั้งองค์กรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2566 ลดการใช้น้ำมันดีเซลไปได้ 180,00 ลิตร และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปมากกว่า 494 ตัน ทั้งนี้ ในการขยายสาขาตลอดปี 2566 นี้ ไทวัสดุยังได้ร่วมมือกับผู้ร่วมค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนสมทบทุนบริจาคให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานเพื่อสังคมในพื้นที่เพื่อช่วยเสริมศักยภาพทางการแพทย์ในชุมชนรวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้เป็นการขับเคลื่อนตามเป้าหมายองค์กรค้าปลีกด้านความยั่งยืน
• หนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้แข็งแกร่ง – การขยายสาขาในปีนี้ของไทวัสดุ นอกจากจะเป็นการขยายการเข้าถึงของธุรกิจแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่ชุมชน ผ่านการจ้างงานคนในพื้นทีไปแล้วกว่า 4,200 คน พร้อมทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นโดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เปิดพื้นที่ด้านหน้าร้านไทวัสดุให้พ่อค้า แม่ค้าในชุมชนเข้ามาจัดจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายสุทธิสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการรองรับความต้องการคนไทยด้วยการขยายสาขาแล้ว ในปีนี้ยังมุ่งเน้นการขยายอาณาจักรศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ปอย่างคลังสินค้าวังน้อย จังหวัดอยุธยา มีพื้นที่กว่า 180,000 ตร.ม โดยสามารถรองรับสินค้าที่หลากหลายจากพันธมิตรคู่ค้าได้ถึง 42,000 SKU สามารถกระจายสินค้าไปยังไทวัสดุทุกสาขาและธุรกิจในเครืออื่น ๆ เช่น บีเอ็นบี โฮม และโก! ว้าว
“สำหรับสาขาสุดท้ายในปีนี้ไทวัสดุได้กลับมาปักหมุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งกับ “ไทวัสดุ สาขายโสธร” ผ่านงบลงทุนกว่า 340 ล้านบาท โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณแยกบายพาสศาลาแดง ถนนแจ้งสนิท ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง บนพื้นที่ 16,000 ตร.ม รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ฮาร์แวร์เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า สินค้าการเกษตร กระเบื้อง สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และสินค้าของตกแต่งบ้าน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับความต้องการกลุ่มสินค้าประเภทฮาร์ดไลน์จากคนในพื้นที่กว่า 100,000 คนและในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน” นายสุทธิสาร กล่าวปิดท้าย
###
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,648 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2566) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และมินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ 30 กันยายน 2566 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 59 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566)
No comments:
Post a Comment