การร่วมมือระหว่าง เบล แอนด์ รอส และ เรโนลต์ เอฟวัน ทีม มีเป้าหมายเดียวกันคือการพิชิตสุดยอดกลไกทางวิศวกรรมสมรรถนะสูงเพื่อต้อนรับ 2 นักแข่งรถยอดฝีมืออย่างนิโค ฮัลเคนเบิร์ก (Nico Hulkenberg) ชาวเยอรมัน และ แดเนียล ริคคาร์โด้ (Daniel Ricciardo) ชาวออสเตรเลีย ที่ก้าวเท้าเข้ามาร่วมทีมกับเรโนลต์ เอฟวัน เบล แอนด์ รอส ได้หยิบเอาสีเหลือง ดำ เขียว แดง และส้ม ซึ่งมีต้นแบบมาจากรถแข่งสูตรหนึ่งแห่งเรโนลต์ เอฟวัน ทีม ที่เริ่มใช้ในคอลเลกชั่น R.S.17 เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสรรค์เรือนเวลาที่มีสมรรถนะแห่งการจับเวลาสูงถือเป็นหัวใจสำคัญสูงสุดในโลกของการแข่งขันด้านความเร็ว เบล แอนด์ รอส ได้ดึงดีไซน์จากรถสูตรหนึ่งมาผสมผสานเข้ากับความล้ำสมัยแห่งเทคโนโลยีและหลอมรวมด้วยนวัตกรรมสูงสุดของวัสดุที่ใช้ในโลกแห่งการแข่งขันด้านความเร็ว พร้อมด้วยรหัสสีสัญลักษณ์ทั้งหมดซึ่งหาชมได้ไม่บ่อยนักในเรือนเวลาระดับไฮเอนด์ และยังได้มอบซึ่งประสิทธิภาพฟังก์ชั่นแห่งการจับเวลา การแสดงผลโครโนกราฟ หรือการแสดงพลังงานสำรองได้อย่างชัดเจนและแม่นยำไว้ในสุดยอดเรือนเวลาทั้ง 4 นี้
BR V3-94 R.S.19 (บีอาร์ วี3-94 อาร์เอส19) และ BR 03-94 R.S.19 (บีอาร์ 03-94 อาร์เอส19) 2 เรือนเวลาสปอร์ตหรูที่ผ่านการขัดเกลาโดย เบล แอนด์ รอส ให้เป็นนาฬิกาเฉพาะทาง มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาที่ให้ความละเอียดสูง ติดตั้งด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติคาลิเบอร์ BR-CAL.301 ซึ่งสามารถจับเวลาได้ละเอียดถึง 1/8 ของวินาทีและจับเวลาสูงสุดได้นานถึง 30 นาที นอกจากนี้ยังสามารถจับความเร็วของยานพาหนะได้อย่างแม่นยำ แตกต่างกันที่รูปทรงของตัวเรือนเท่านั้น โดย BR V3-94 R.S.19 มีตัวเรือนทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.0 มิลลิเมตร ประกอบเข้ากับสายหนังลูกวัวลาย คาร์บอนไฟเบอร์หรือสายสตีลปัดด้าน
ส่วน BR 03-94 R.S.19 มาพร้อมตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42.0 มิลลิเมตร ใช้สายยางสีดำเย็บเข้ากับผ้าสังเคราะห์ที่สร้างความยืดหยุ่นขณะสวมใส่ นอกจากนี้ยังใช้สารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าเคลือบบนตัวเลข หลักนาทีและหลักชั่วโมง เพื่อให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายในขณะใช้งาน ผลงานคอลเลคชั่นนี้แตกต่างจากรุ่นก่อนด้วยหน้าปัดที่ทำจากเส้นใยคาร์บอน วัสดุคุณภาพสูงที่มักปรากฏในวงการรถสูตรหนึ่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงพวงมาลัยรถแข่งของ นิโค และ แดเนียล สำหรับนักแข่งที่ใช้สมาธิขณะควบคุมรถ เรือนเวลาทั้งสองนี้ได้ติดตั้งขอบตัวเรือนที่สามารถหมุนได้สองทิศทางเพื่อนับจับเวลาอย่างฉับไว นอกจากนี้ยังทำขอบเซาะร่องไว้ให้หมุนได้ถนัดแม้ยามสวมใส่ถุงมือ
สำหรับ เบล แอนด์ รอส BR V3-94 R.S.19 และ BR 03-94 R.S.19 ผลิตเพียงรุ่นละ 999 เรือนเท่านั้น
คอลเลคชั่น R.S.19 ยังมีเรือนเวลาสมรรถนะสูงด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติคาลิเบอร์ BR-CAL.313 ที่ทำความถี่สูงถึง 28,800 รอบต่อชั่วโมง อย่าง BR-X1 R.S.19 (บีอาร์-เอ็กซ์1 อาร์เอส19) มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมทรงสี่เหลี่ยมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45.0 มิลลิเมตร ล้อมด้วยเซรามิกสีดำด้านแบบ Micro-Blasted ห่อหุ้มด้วยยางน้ำหนักเบา ทำหน้าที่เป็นเกราะกันกระแทกขณะสวมใส่ ใช้ปุ่มกดสั่งการจับเวลาแบบกระเดื่องหรือ Rocker Push-Button ทำให้กดใช้งานง่ายแม้ยามสวมถุงมือ และเพิ่มความพิเศษหน้าปัดเปลือยอวดกลไกอันแสนล้ำสมัยของเรือนเวลา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ด้วยการทำขอบตัวเรือนแบบหมุนสองทิศทางมีสเกลนาทีและเพิ่มคำว่า Time Marker เข้าไป ในเวลาการแข่งขันช่วง Hot Lap นั้น ในจุด Pit stop นักแข่งสามารถหยุดจับเวลาและหมุนขอบตัวเรือนให้หัวศรสีเหลืองอยู่ตำแหน่งเดียวกับเข็มวินาทีกลางโครโนกราฟ สีเหลือง จากนั้นกดปุ่มรีเซ็ตและเริ่มจับเวลารอบที่สอง เมื่อจบการแข่งขันทีมแข่งจะสามารถเทียบเวลาทั้งสองรอบได้ทันที BR-X1 R.S.19 นี้ยังเลือกใช้สีที่สะท้อนถึงกลิ่นอายหน้าปัดรถแข่งของ นิโค และ แดเนียล อีกด้วย
สำหรับ เบล แอนด์ รอส BR-X1 R.S.19 ผลิตจำกัดเพียง 250 เรือนเท่านั้น
อีกหนึ่งรุ่นพิเศษจากคอลเลคชั่น R.S.19 ที่ Bell & Ross และ Renault F1 Team ส่งมอบความประทับใจไว้ไม่แพ้รุ่นอื่นคือ เรือนเวลาแห่งความอัจฉริยะด้วยกลไกฟังก์ชั่นอันยอดเยี่ยมอย่าง BR-X1 Tourbillon R.S.19(บีอาร์-เอ็กซ์1ทูร์บิญอง อาร์เอส19) ที่ย่อส่วนเครื่องยนต์ F1มาไว้บนข้อมือได้อย่างไร้ที่ติ โดยใช้ชุดกลไกโครโนกราฟไขลานฟลายอิ้งทูร์บิญอง คาลิเบอร์ BR-CAL.283 ในตำแหน่ง 6 นาฬิกามีชุดจักรกลและเฟืองหนีหมุนรอบ 360 องศาในทุก 1 นาทีเพื่อชดเชยแรงโน้มถ่วงของชิ้นส่วนภายในกรงทูร์บิญอง ทำให้เกิดความบาลานซ์กับชิ้นส่วนภายใน ช่วยเพิ่มความเที่ยงตรงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เสริมด้วยฟังก์ชั่นจับเวลาที่หน้าปัดย่อยตำแหน่ง 1 – 11 ทำหน้าที่จับเวลา 60 วินาทีและจับเวลา 30 นาทีตามลำดับผ่านปุ่มกดแบบเดี่ยวหรือ Mono Pusher ระบบคอลัมน์วีล มีชิ้นส่วนกลไกทั้งหมด 282 ชิ้น ทำงานด้วยความถี่ 21,600 รอบต่อชั่วโมง สำรองพลังงานนานสูงสุด 4 วัน BR-X1 Tourbillon R.S.19 โดดเด่นด้วยตัวเรือนไทเทเนียมประกบเข้ากับเซรามิกสีดำด้านขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45.0 มิลลิเมตร หน้าปัดทำจากคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีความแข็งสูงสุดระดับ 9 พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนที่หน้าปัด ตัวเลขและเข็มทั้งหมดถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่า ทำให้ง่ายต่อการอ่านค่าเวลาในทุกสภาวะแสง
ด้วยความลิมิเต็ด BR-X1 Tourbillon R.S.19 ผลิตออกมาเพียง 20 เรือนเท่านั้น
ตัวแทนจำหน่าย Bell & Ross ประเทศไทย
- Cortina Watch Espace และ Cortina Watch Erawan Bangkok ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงคอก
- Cortina Watch Boutique ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
ด้วยความลิมิเต็ด BR-X1 Tourbillon R.S.19 ผลิตออกมาเพียง 20 เรือนเท่านั้น
ตัวแทนจำหน่าย Bell & Ross ประเทศไทย
- Cortina Watch Espace และ Cortina Watch Erawan Bangkok ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงคอก
- Cortina Watch Boutique ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
No comments:
Post a Comment