AH คิกออฟ 2 โรงงานระบบคุมไอเสียแห่งใหม่ “มาเลฯ-ไทย” กำลังการผลิตรวมกว่า 7 แสนชิ้น/ปี เสริมทัพแกร่ง - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, October 17, 2023

AH คิกออฟ 2 โรงงานระบบคุมไอเสียแห่งใหม่ “มาเลฯ-ไทย” กำลังการผลิตรวมกว่า 7 แสนชิ้น/ปี เสริมทัพแกร่ง


บมจ.อาปิโก ไฮเทค ภายใต้กิจการร่วมทุน “พูเรม อาปิโก” คิกออฟเดินเครื่องเต็มรูปแบบ 2 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียแห่งใหม่ในประเทศมาเลเซียและไทย ปักหมุดกำลังการผลิตรวม 2 แห่งต่อปีกว่า 700,000 ชิ้น จ้างงานรวม 250 คน รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ ต่อจิ๊กซอว์เสริมทัพการเติบโต พร้อมหนุนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ภูมิภาคอาเซียนระยะยาวขยายตัวแข็งแกร่ง


นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) กล่าวว่า ล่าสุดบริษัท พูเรม อาปิโก จำกัด (Purem AAPICO) ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง บมจ.อาปิโก ไฮเทค และบริษัท พูเรม อินเตอร์เนชั่นแนล จีเอ็มบีเอช จำกัด ในสัดส่วน 49 : 51 ได้คิกออฟเดินเครื่องกำลังการผลิตเต็มรูปแบบ 2 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียแห่งใหม่ ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย และจังหวัดระยอง ประเทศไทย รวมกำลังการผลิต 2 แห่งกว่า 700,000 ชิ้นต่อปี

โดยโรงงานแห่งใหม่ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย ได้เริ่มเดินเครื่องการผลิตเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ภายใต้ชื่อ “Purem AAPICO SDN. BHD.” ซึ่งมีพื้นที่รวม 4,000 ตารางเมตร โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงผลิตระบบ exhaust gas aftertreatment ทั้งแบบ hot end และ cold end กำลังการผลิตรวม 400,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 100 คน ซึ่งจะส่งให้กับค่ายรถยนต์สัญชาติมาเลเซียจำนวน 4 รุ่น อีกทั้งบริษัทฯได้เตรียมแผนส่งมอบให้กับลูกค้ารายอื่นๆในประเทศ รวมถึงขยายงานด้านเทคนิคสำหรับ catalyst, manifold และ muffler ของระบบควบคุมไอเสีย ทั้งแบบ hot end และ cold end ในอนาคต โดยพื้นที่ตั้งของ Purem AAPICO SDN. BHD. ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 20 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเมืองเปตาลิงจายา ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งประเทศในมาเลเซีย

ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยภายใต้ชื่อ “Purem AAPICO นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง” ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 5 เดือน ก่อนจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเต็มรูปแบบนับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566 หลังคิกออฟโรงงาน Purem AAPICO SDN. BHD. ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย เพียง 2 วัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง บนพื้นที่รวม 3,000 ตารางเมตร รายล้อมไปด้วยโรงงานผู้ผลิตชั้นนำ ทั้งค่ายญี่ปุ่น, อเมริกัน และเยอรมนี โดยมีกำลังผลิต 300,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 150 คน โดยโรงงานแห่งนี้ผลิตระบบควบคุมไอเสียบนมาตรฐาน clean mobility ระดับโลก ได้แก่ Euro6, CARB – LEV III และ EPA – TIER 3 ส่งผลให้รถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทย สามารถส่งออกได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ภายใต้การเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์รายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน

“บริษัทมี 2 โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในมาเลเซีย และ 21 โรงงานในไทย สะท้อนความเชื่อมั่นในอนาคตอันสดใสของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งใน 2 ประเทศ ซึ่งบริษัทมั่นใจในเทคโนโลยีระบบควบคุมไอเสียของ Purem ในฐานะเป็นผู้ผลิต OEM รายใหญ่ของโลก จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว” นายเย็บ ซู ชวน กล่าว

ด้านนายมาร์ติน ปีเตอร์ส ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนผู้จัดการ กลุ่มบริษัทเอเบอร์สเปเชอร์ (Eberspaecher Group) กล่าวว่า นับเป็นอีกขั้นความสำเร็จของ Purem ในธุรกิจและฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนถึงการยอมรับเป็นอย่างดีต่อสินค้าและเทคโนโลยี clean mobility ของบริษัทฯ ซึ่งความร่วมมือกับ AAPICO ด้านองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะช่วยให้บริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้

“Purem by Eberspaecher เติบโตอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่สะอาดและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ล่าสุดบริษัทเปิดโรงงานใหม่ถึง 2 แห่งในมาเลเซียและไทย ในสัปดาห์เดียวกัน ทําให้บริษัทมีฐานการผลิตสินค้าอยู่ใน 19 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจด้านยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโลก” นายมาร์ติน ปีเตอร์ส กล่าว

ข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จํากัด (มหาชน)

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จํากัด (มหาชน) ก่อตั้งโดยนายเย็บ ซู ชวน ในปี 2539 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2545 บริษัทฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจําหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ (OEM Automotive Parts) ธุรกิจตัวแทนจําหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการ (Car Dealership) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (IoT) ปัจจุบันมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทั้งหมด 48 แห่ง โดย 33 บริษัทดําเนินธุรกิจในไทย และ 15 บริษัทตั้งอยู่ในต่างประเทศ ธุรกิจหลักของบริษัทในช่วงแรกคือ การออกแบบ ผลิต และติดตั้งอุปกรณ์จับยึด (Assembly Jigs) แม่พิมพ์ปั๊มโลหะ (Stamping Dies) ประกอบรถยนต์ และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (OEM Automotive Parts) ได้แก่ ชิ้นส่วนพื้นรถยนต์ เหล็กขวาง ตัวคํ้า ตัวยึด แผ่นเหล็ก และชิ้นส่วนปลีกย่อยอื่นๆ รวมถึงถังนํ้ามันเพื่อจัดส่งให้กับบริษัทผู้ผลิตและประกอบรถยนต์ชั้นนําในไทย จากนั้นบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจมาสู่การผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะ (Chassis Frame Components) ชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูป ชิ้นส่วนโลหะกลึงเจียผิว (Forging and Machining Parts) ชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะ (Casting Parts) ชิ้นส่วนพลาสติก และถังนํ้ามันพลาสติก (Plastics Parts) รายได้ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* และมีพนักงาน 5,400 คน (*หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 35.5 บาท)


เกี่ยวกับ พูเรม บาย เอเบอร์สเปเชอร์ (Purem by Eberspaecher)

พูเรม บาย เอเบอร์สเปเชอร์ เป็นบริษัทในกลุ่มเอเบอร์สเปเชอร์ซึ่งมีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เอสสลิงเกน เยอรมนี มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ มีพนักงานมากกว่า 7,100 คน พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตระบบไอเสียและการควบคุมเสียงสําหรับรถยนต์นั่ง, รถเพื่อการพาณิชย์และรถออฟโรด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสําคัญในการบรรลุมาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแนวทางด้านเสียงที่เข้มงวดที่สุดใน ปัจจุบัน มีฐานลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนําของโลก ในปี 2565 กลุ่มบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 5,700 ล้านยูโร รายรับสุทธิที่ปรับปรุงแล้วสําหรับรายการชั่วคราวอยู่ที่ 1,900 ล้านยูโร


เกี่ยวกับ กลุ่มเอเบอร์สเปเชอร์ (Eberspaecher Group)

กลุ่มเอเบอร์สเปเชอร์ เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาและผู้ผลิตระบบชั้นนําของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 10,700 คน ในเครือข่าย 80 แห่งทั่วโลก เป็นธุรกิจครอบครัว มีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เอสสลิงเกน เยอรมนี มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีไอเสีย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ และการจัดการความร้อนสําหรับยานพาหนะประเภทต่างๆ ทั้งนี้สามารถมั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายที่มากขึ้น ความปลอดภัยที่สูงขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากชิ้นส่วนและระบบจากเอเบอร์สเปเชอร์ ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฮบริด และยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ เอเบอร์สเปเชอร์กําลังปูทางไปสู่เทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น การใช้เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ในรูปแบบยานยนต์และสถานีจ่ายพลังงาน เชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตลอดจนการใช้ไฮโดรเจนเป็นตัวพาพลังงาน ในปี 2565 กลุ่มบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 6,400 ล้านยูโร รายรับสุทธิที่ปรับปรุงแล้วสําหรับรายการชั่วคราวอยู่ที่ 2,700 ล้านยูโร

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages