CHANGAN ประเทศไทย ลุยระยองจัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานแห่งแรก นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมุ่งสู่อนาคต

• Changan Automobile ขยายฐานการผลิตแห่งแรกในตลาดต่างประเทศที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย ทุ่มเงินลงทุนระยะแรก 8.8 พันล้านบาท ครอบคลุมทุกขบวนการผลิตทั้ง พ่นสี งานประกอบตัวรถยนต์ เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่ ตั้งเป้าผลิต 100,000 คันต่อปี เริ่มต้นปี 2568

• โดยในระยะที่ 2 เงินลงทุนรวมในอนาคตของ CHANGAN จะอยู่ที่สูงสุด 2 หมื่นล้านบาท สำหรับการตั้งฐานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ มุ่งบรรลุเป้าหมายผลิตสูงสุด 200,000 คัน ต่อปี ครอบคลุมทั้งตลาดอาเซียน และตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก

ระยอง, 9 พฤศจิกายน 2566 - CHANGAN ประเทศไทย ประกาศก้าวสำคัญจัด ‘พิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์’ แห่งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จของ Changan Automobile ในการขยายธุรกิจสู่ระดับสากล โดยกำหนดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งแรกในตลาดต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศจีน ตลอดจนเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

งานพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์ CHANGAN ได้รับเกียรติจากตัวแทนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมพิธี อาทิ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มิส จาง เซียว เซียว อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้าสถานทูตจีน ร่วมด้วย นาย หวาง ฮุย รองประธานกรรมการ Changan Automobile และ นาย ซิงหัว เซิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ที่ปรึกษาอาวุโสและผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย บริษัทวิศวกรรมพลังงานแห่งประเทศจีน (CEEC) นายสกนธ์ กรกฎ นายอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง นายปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม WHA พ.ต.อ.ชัยพงษ์ แสงพงษ์ชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร ปลวกแดง และ นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแขกผู้มีเกียรติ หุ้นส่วน สื่อมวลชน ตลอดจนทีมงาน Changan Automobile

นาย หวาง ฮุย รองประธานกรรมการ Changan Automobile กล่าวเปิดงานและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาในครั้งนี้ว่า “พิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์ในวันนี้ นับเป็นการก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ของ Changan Automobile ในระดับสากล และพวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ริเริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งจะถูกใช้เป็นฐานการดำเนินงานของ CHANGAN ในประเทศไทย รวมถึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเราในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน โดยการร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญสำหรับการดำเนินงานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามร่วมกันในการวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยอีกด้วย"

เพื่อตอบสนองอัตราการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าที่รวดเร็วในประเทศไทย Changan Automobile ลงทุนกว่า 8.8 พันล้านบาทในระยะแรกของการสร้างฐานการผลิตที่ทันสมัยในจังหวัดระยอง เมื่อรวมกับแผนการลงทุนที่จะถูกดำเนินการในระยะที่ 2 คาดว่ามูลค่าการลงทุนโดยรวมของ CHANGAN จะสูงสุดถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยโรงงานผลิตรถยนต์ดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ซึ่งจะรองรับการผลิตรถยนต์ในขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น งานพ่นสี ประกอบตัวรถยนต์ ประกอบเครื่องยนต์ และประกอบแบตเตอรี่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอื่น ๆ โดยในช่วงระยะแรกคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังในการผลิตรถยนต์สูงถึง 100,000 คันต่อปี และจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังเตรียมเริ่มการก่อสร้างสำหรับระยะที่ 2 ซึ่งกำลังการผลิตรถยนต์โดยรวมจะสูงถึง 200,000 คันต่อปี ตั้งเป้าครอบคลุมตลาดอาเซียนทั้งหมด รวมถึงตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก

พิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ CHANGAN แต่ยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ของนวัตกรรมยานยนต์และการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยอีกด้วย

                                                   ###

เกี่ยวกับ Changan Automobile

Changan Automobile หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของจีน มีสำนักงานใหญ่และฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน สร้างสถิติการขายสูงสุดในรอบ 5 ปี ผ่านการส่งมอบรถยนต์กว่า 2 ล้านคันทั่วโลกในปี 2565 ต่อมาในปี 2566 Changan Automobile ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์จีนอันดับหนึ่งใน J.D. Power 2023 China Sales Satisfaction Index โดย Changan Automobile มุ่งมั่นที่จะส่งมอบเทคโนโลยีล้ำสมัย ความปลอดภัย ประสิทธิภาพเหนือชั้น และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานผ่านเทคโนโลยีอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น