• คาดการณ์ว่าค่ามัธยฐานของการขึ้นเงินเดือนประจำปี (Median merit salary increments) ในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ จาก 4.8 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2566
• อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง และยานยนต์ เป็นกลุ่มที่มีการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) สูงที่สุด• อัตราการลาออกจากงานแบบสมัครใจแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการผ่อนคลายของตลาดแรงงานในทุกอุตสาหกรรม
ประเทศไทย 13 พฤศจิกายน 2566 – เมอร์เซอร์ ประเทศไทยได้เปิดเผยผลการสำรวจค่าตอบแทนประจำปี (Total Remuneration Survey - TRS) ของปี 2566 โดยพนักงานในประเทศไทยสามารถคาดหวังการปรับเงินเดือนที่สูงขึ้นในปี 2567 สำหรับปีนี้มีองค์กรเข้าร่วมการสำรวจค่าตอบแทนประจำปี (TRS) ในประเทศไทยทั้งหมด 617 องค์กร จาก 7 อุตสาหกรรม โดยการสำรวจจัดทำขึ้นระหว่างเดือนเมษายนและมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับภาพรวมมีการคาดการณ์ว่าค่ามัธยฐานของการขึ้นเงินเดือนประจำปี (Median merit salary increments) ของปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ จาก 4.8 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2566
คุณ จักรชัย บุญยะวัตร ประธาน บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “ด้วยการฟื้นตัวที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ บวกกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ เราคาดว่า economic landscape (ภูมิทัศน์เศรษฐกิจ) ในประเทศไทยในปี 2567 จะเป็นไปในเชิงบวก โดยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีเสถียรภาพ”
สำหรับค่ามัธยฐานของการขึ้นเงินเดือนโดยรวม (Median salary increments) ของปี 2567 ในประเทศไทยถูกคาดการณ์ไว้ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าตอบแทนที่แตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยตามรายงานประจำปี 2567 พบว่ากลุ่มประเทศที่มีค่ามัธยฐานของการขึ้นเงินเดือนโดยรวม (Median salary increments) ที่สูงที่สุดในภูมิภาค ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่ 9.3 เปอร์เซ็นต์ 7.0 เปอร์เซ็นต์ และ 6.5 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ในขณะที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง มีการรายงานค่ามัธยฐานของการขึ้นเงินเดือนโดยรวม (Median salary increments) ที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค ที่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ 3.8 เปอร์เซ็นต์ และ 3.9 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โดยผลสำรวจของประเทศอื่น ๆ ที่รวมอยู่ในการสำรวจมีดังนี้ ฟิลิปปินส์ ที่ 5.7 เปอร์เซ็นต์ จีนที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ มาเลเซียที่ 5.1 เปอร์เซ็นต์ เกาหลีใต้ที่ 4.4 เปอร์เซ็นต์ และสิงคโปร์ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์
อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง และยานยนต์ เป็นกลุ่มที่มีการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) สูงที่สุดในประเทศไทย
จากผลสำรวจคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะมีการเพิ่มขึ้นของการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) โดย อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง และยานยนต์ จะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) สูงที่สุดในปี 2567 ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุของการเพิ่มขึ้นที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นของ 3 อุตสาหกรรมข้างต้นนั้น มีหลายปัจจัยสนับสนุน เช่น การขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น เป็นผลจากการขยายตัวของนวัตกรรมใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นในตลาด และส่งผลให้การแข่งขันขยับตัวสูงขึ้น ทำให้มีความต้องการที่มากขึ้นในการจ้างงานบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (talent) นอกจาก 3 อุตสาหกรรมข้างต้น อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) สูงกว่าปี 2566 อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมประกันชีวิตเป็นเพียงอุตสาหกรรมเดียวที่มีได้รับการคาดการณ์ว่าการขึ้นเงินเดือนประจำปี (merit salary increment) จะมีการปรับตัวลดลงจาก 4.2 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2566 เป็น 4 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2567
สำหรับการจ่ายโบนัสประจำปี อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญการทำผลงานของพนักงาน ซึ่งได้ถูกสะท้อนออกมาในการสำรวจ โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความต่างของยอดการจ่ายที่สูงที่สุดระหว่างการจ่ายโบนัสประจำปีสำหรับพนักงานที่ทำผลงานได้ตามเป้าหมายและพนักงานที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่ 68 เปอร์เซ็นต์ 61 เปอร์เซ็นต์ และ 52 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ (ดู ภาพที่ 1)
ภาพที่ 1: ผลการสำรวจค่าตอบแทนประจำปีของประเทศไทยประจำปี 2566–การจ่ายโบนัสประจำปี (2023 Thailand Total Remuneration Survey – Variable Bonus)
อัตราการลาออกจากงานแบบสมัครใจที่สูงขึ้นแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการผ่อนคลายของตลาดแรงงานในประเทศไทย
ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา อัตราการลาออกจากงานแบบสมัครใจในประเทศไทยมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเติบโตเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2566 คุณจักรชัยเสริมว่า “เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไทย บริษัทต่าง ๆ ได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และกำลังลงทุนเพื่อขยายกิจการ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการแย่งตัวกันของบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (talent) นอกจากนี้สังคมที่กำลังดำเนินไปในทิศทางของสังคมผู้สูงอายุได้ทำให้เกิดการขาดแคลนผู้นำในองค์กรต่าง ๆ ดังนั้นบริษัทต่าง ๆ ได้เห็นความจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นดำเนินกลยุทธ์ในการจัดจ้างบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (talent) เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้”
คุณ เดเรก เฮง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท มาร์ช แอน แมคเลนแนน ประเทศไทย กล่าวว่า “ถึงแม้จะมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการผ่อนคลายในตลาดแรงงาน อัตราการว่างงานในประเทศไทยยังคงอยู่ที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ในครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก สิ่งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพนักงานในประเทศไทยยังคงมองหาโอกาสในการทำงานที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างประสบความสำเร็จในอนาคตและมีโอกาสที่ดีกว่าในเรื่องของค่าตอบแทน ดังนั้นความสามารถในการนำเสนอแพคเกจค่าตอบแทนที่คิดออกมาอย่างถี่ถ้วนจะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนายจ้างและผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลในการดูแลและดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (talent) โดยเฉพาะในสายงานที่ต้องการทักษะเฉพาะตัว เช่น เทคโนโลยีขั้นสูงและวิทยาศาสตร์สุขภาพ”
-จบ-
เกี่ยวกับการสำรวจ Total Remuneration Survey (TRS)
การสำรวจ Total Remuneration Survey เป็นโครงการสำรวจหลักของเมอร์เซอร์ในการศึกษาเกณฑ์ด้านค่าจ้างและผลตอบแทนที่เกี่ยวกับค่าจ้างและนโยบายตอบแทนพนักงานในปีนั้น ๆ รวมถึงแนวโน้มของงบประมาณ การจ้างงาน และการโยกย้ายงานที่จะเกิดขึ้นในปีถัดไป นอกจากนี้เมอร์เซอร์ยังได้จัดทำการสำรวจข้อมูลตลาดตลอดทั้งปีเพื่อให้ทันเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจและแนวโน้มตลาดแรงงานที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว หากท่านต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Total Remuneration Survey 2023 ของเมอร์เซอร์ กรุณาคลิกที่นี่
เกี่ยวกับเมอร์เซอร์
เมอร์เซอร์เชื่อมั่นในการสร้างอนาคตของโลกการทำงานให้ดียิ่งขึ้น การปรับปรุงผลประโยชน์การเกษียณอายุและการลงทุน อีกทั้งการดูแลสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เมอร์เซอร์มีพนักงานประมาณ 25,000 คนทั่วโลกใน 130 ประเทศ เมอร์เซอร์เป็นธุรกิจของกลุ่ม Marsh McLennan (ชื่อย่อ MMC บนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการการให้คำปรึกษาชั้นนำของโลกในด้านความเสี่ยง ยุทธศาสตร์ และบุคลากร โดยมีเพื่อนร่วมงานรวม 86,000 คนและรายได้ต่อปี 20,000 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ Marsh McLennan ช่วยลูกค้าฝ่าฟันสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วและความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยธุรกิจที่เป็นผู้นำในตลาด Marsh, Guy Carpenter และ Oliver Wyman ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ mercer.com และติดตามเมอร์เซอร์ได้ที่ LinkedIn และ X
No comments:
Post a Comment