โรงภาพยนตร์ลิโดที่ทุกคนรู้จัก กำเนิดขึ้นในย่านชื่อดังกลางเมืองหลวงอย่างสยามสแควร์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2511 หรือเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว โดยมีจำนวนความจุเก้าอี้ถึง 1,000 ที่นั่ง ถือเป็นอีกโรงภาพยนตร์ใหญ่ ณ เวลานั้น หนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญที่คอหนังลิโดคงปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือภาพยนตร์ที่ถูกคัดสรรมาฉายส่วนใหญ่คัดสรรภาพยนตร์นอกกระแสเข้ามาฉายอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ผู้ชมได้มีทางเลือกในการรับชมภาพยนตร์ที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นสไตล์ของโรงภาพยนตร์ลิโดในการฉายหนัง ครั้งแรกที่ถูกเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ด้วยเรื่อง ศึกเซบาสเตียน (Guns for San Sebastian) นับเป็นโรงภาพยนตร์ลำดับสองในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ ต่อมาเมื่อสัญญาหมดลงลิโดก็ถูกปิดตัวไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 กลายเป็นตำนานโรงภาพยนตร์ที่เรายังไม่มีวันลืม
รศ.ดร. วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สินและนวัตกรรม สำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) ร่วมกับ จี้บ - เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและไก่ - สุธี แสงเสรีชน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการมองการณ์ไกลที่จะใช้ประโยชน์ของพื้นที่ลิโด้ ให้คนหลากหลายกลุ่มสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การสร้างผลกำไรทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสังคม ด้วยการมอบพื้นที่ให้เป็นสถานที่ในการแสดงออกสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะทุกแขนงไม่ว่าจะเป็น ศิลปะการแสดง ดนตรี จิตรกรรม หรือ วรรณกรรม และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อที่จะให้ศิลปะทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของลิโด้อยู่ โดยจัดพื้นที่โรงภาพยนตร์ลิโด้แบ่งออกเป็น 3 โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ที่ 1 จะใช้สำหรับฉายภาพยนตร์ โดยคงสภาพเดิมไว้เพียงแต่ปรับปรุงให้ดีขี้น โรงภาพยนตร์ที่ 2 จะจัดให้เป็น Live House พื้นที่สำหรับศิลปินหน้าใหม่ ไม่สังกัดค่าย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ในการแสดงความสามารถได้ โรงภาพยนตร์ที่ 3 จะเป็นพื้นที่การแสดงในรูปแบบต่างๆอย่างสร้างสรรค์และไร้ขีดจำกัด เช่น การจัดงาน Exhibition, E-sport ฯลฯ รองรับกิจกรรมสร้างสรรค์มากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
No comments:
Post a Comment