คุณชัญชกร เหลืองตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เค.เอส.ฟู้ด เมคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์ LAVITA (ละวิตา)นั้น มาจากชื่อสินค้ากาแฟคั่วสดภายใต้ของบริษัท แอล.เค.เอส. ฟู้ด เมคเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้ากาแฟ ธัญญาหาร และงาดำ ซึ่ง LAVITA ก็เป็นแบรนด์หนึ่งในนั้น โดยในช่วงแรกๆ คุณพ่อได้เริ่มก่อตั้งและทำกาแฟคั่วสดแบรนด์ LAVITA และทดสอบรสชาติทุกครั้งที่คั่วเสร็จในพื้นที่ของบริษัทฯ เอง เลยเป็นจุดกำเนิดให้คุณพ่อเปิดร้านกาแฟด้านล่างของบริษัทฯ และในระยะเวลาต่อมาผมและภรรยาได้เข้ามาดำเนินธุรกิจต่อจากคุณพ่อ ทำให้มีแนวคิดที่จะเปิดร้านกาแฟ อย่างจริงจัง เนื่องจากเรามีวัตถุดิบอยู่ในมืออยู่แล้ว จึงได้ดำเนินการเปิดร้านกาแฟและรีโนเวทแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งคอนเซ็ปต์หลักของร้านกาแฟ LAVITA (ละวิตา) จะเน้นการเข้าถึงได้ง่าย ให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่น และสบายเหมือนนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์กับลูกค้าทุกท่าน ในราคาที่จับต้องได้
พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกตามยุคสมัยที่ผู้บริโภคต้องการนั่นคือ Free Wifi และ Free Charging และในบางสาขามีห้องประชุมและพื้นที่ Working Space ไว้บริการด้วย เพียงแค่ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มของทางร้าน เราไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการนั่งภายในร้าน โดยลูกค้าสามารถใช้บริการภายในร้านได้ตั้งแต่เวลาเปิดจนถึงเวลาปิด นอกจากนี้เรายังมีสาขาที่แตกต่างจากสาขาอื่น นั่นก็คือสาขาสภากาชาดไทย ตึกอำนวยธรรม ห้องได้บุญ สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มจาก ทางร้าน จะได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับทางสภากาชาดไทย ยิ่งไปกว่านั้น ร้านกาแฟ LAVITA (ละวิตา) ได้เล็งเห็นความสำคัญในด้านการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม โดยเราเลือกใช้วัสดุ เช่นแก้ว หรือถุงพลาสติก ที่เป็นถุงย่อยสลายง่ายและหากลูกค้านำแก้วมาเอง ก็จะได้แต้มสะสมเพิ่มอีกด้วย
สำหรับการเปิดตัว กัน-ณภัทร ณ ระนอง พรีเซ็นเตอร์คนแรกของ LAVITA ในครั้งนี้ เราคัดเลือกจากคาแรกเตอร์และตัวตนของน้องเอง เพราะน้องกันได้ใช้บริการร้าน LAVITA (ละวิตา) ตั้งแต่แรกเริ่มก่อนที่จะเข้าสู่วงการและด้วยตัวของ น้องกันเองมีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายสามารถเข้ากับกลุ่มลูกค้าได้หลายกลุ่ม ทาง LAVITA (ละวิตา) จึงเห็นว่าน้องเหมาะสมที่จะเป็น LAVITA Presenter นอกจากนี้เราใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า โดยใช้ตัวตนของเราเปรียบเสมือนเป็นลูกค้าเพื่อจะได้รู้ว่าเราจะตอบสนองอะไรให้กับลูกค้าได้บ้างเมื่อเข้ามาใช้บริการในร้านกาแฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการ และเรายังคงรับฟังความคิดเห็น คำติ-ชม จากลูกค้า เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาและปรับปรุงเพื่อสาขาต่อๆ ไป อีกด้วย
ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ที่เราเริ่มหันมาเปิดร้านกาแฟอย่างจริงจัง เราใส่ตัวตนของเราลงไปในตราสินค้า LAVITA (ละวิตา) ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาที่ร้านสัมผัสถึงบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ ใส่ใจธรรมชาติของเรา ดังนั้นทำให้กลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านกาแฟเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด Franchise ภายใต้ LAVITA (ละวิตา) หรือเปิดร้านเป็นชื่อตัวเองมีมากขึ้นทุกปี กลุ่มลูกค้าเหล่านี้จะเดินเข้ามาหาเรามากขึ้น เพราะต้องการคำแนะนำที่จริงใจ จับต้องได้ ตอบตรง ไม่ปิดบัง และไม่บอกเพียงข้อดี หรือคะยั้นคะยอให้จ่ายเงินลงทุนเลย แต่เราเป็นเหมือน Partner หรือเพื่อนคู่คิดในการทำธุรกิจ โดยมีเรามีรูปแบบให้เลือก 3 ขนาดคือ ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งเราเองยังคงเติบโตไปได้ในส่วนของ Franchise และการบริการแบบ OEM ในด้านให้คำปรึกษาและบริการหลังบ้านด้วย และในอนาคตอันใกล้นี้ เราได้เตรียมการขยายสาขาลงทุนเปิดร้านกาแฟเพิ่มขึ้น ซึ่งสาขาต่อไปจะเปิดที่จังหวัดนครสวรรค์ และเน้นไปด้านให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจลงทุน Franchise LAVITA (ละวิตา) และในแบรนด์ของตัวเอง “คุณชัญชกร กล่าวทิ้งท้าย”
No comments:
Post a Comment