กรุงเทพฯ19 กันยายน 2566 ASEAN Sustainable Energy Week 2023 งานแสดงสินค้าและการประชุมระดับนานาชาติ ที่ครอบคลุมด้านพลังงาน ทดแทนการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมา ได้ปิดฉากลงด้วยความสำเร็จ โดยในงานนี้ ลอนจิ (LONGi) ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ระดับแนว หน้า ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างยิ่งใหญ่ ในกรุงเทพมหานคร พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ล่าสุด อันได้แก่ โมดูลรุ่น Hi-MO 7 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเซลล์ HPBC (Hybrid Passivated Back Contact) และโมดูลรุ่น Hi-MO 6 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความต้องการของลูกค้า จากการกระจายการทำงานไปยังส่วนต่างๆ อีกทั้งยังครอบคลุมโซลูชั่นทางด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับ การใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลาย
ซึ่งผลิตภัณฑ์ดาวเด่นที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในงานนี้ คือโมดูลรุ่น Hi-MO 7 นับได้ว่าเป็นโมดูลที่โดดเด่นในช่วงโมดูลซึ่งถูกผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีเซลล์ HPDC อันทรงประสิทธิภาพล้ำสมัยจากลอนจิ มาพร้อมกับขนาดของแผงโซลาร์เซลล์ 2382 X 1134 มิลลิเมตร ซึ่งนับได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดดเด่นด้วยเซลล์จำนวน 72 เซลล์ ประกอบขึ้นเป็นรูปแบบเฉพาะ ตัว ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจทั้งในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และการเชื่อมต่อของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างลงตัว ด้วยประสิทธิภาพ การแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ในระดับสูงถึง 22.5% ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดได้ถึง 610 วัตต์ โมดูลโซลาร์ในรุ่น Hi-MO 7 จึงไม่เพียงปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าเพียงเท่านั้น แต่ทว่ายังช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานและค่าสัมประสิทธิกำลังไฟฟ้าทางอุณหภูมิ ในระดับที่เหนือกว่า ไปจนถึงความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ Hi-MO 7 สามารถลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุโครงการ สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเสนอคุณค่าและยกระดับความพึงพอใจแก่ลูกค้า ให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างเด่นชัด
นอกเหนือจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์จากลอนจิ รุ่น Hi-MO 6 สำหรับการใช้งานเพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ยังมอบสมรรถนะการทำงานได้อย่างเหมาะสม ทั้งในด้านการดูดซับแสงอาทิตย์ในช่วงอุณหภูมิสูงอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังตอบสนองรังสีในระดับต่ำ และลดการเสื่อมสภาพของแผงโซลาร์เซลล์ ด้วยประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ในระดับสูงถึง 23.2% โมดูลรุ่น Hi-MO 6 ยังได้สร้างเกณฑ์มาตรฐานใหม่สำหรับตลาดค้าปลีกทั่วโลก ซึ่ง จากการวัดผลข้อมูล ได้เผยให้เห็นถึงปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้เพิ่มมากขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 6.6% เมื่อเปรียบเทียบกับโมดูลพลังงานแสง อาทิตย์จากเทคโนโลยี PERC (Passivated Emitter and Rear Contact) และเพิ่มมากขึ้น 1.34% เมื่อเปรียบเทียบกับโมดูล พลังงานแสงอาทิตย์แบบหน้าเดียวจากเทคโนโลยี TOPCon
คุณชิน ลี ผู้อำนวยการลอนจิ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ประจำภูมิภาคคาบสมุทรเอเชียใต้ กล่าวว่า “ลอนจิ เราเน้นย้ำ ในคุณค่าและความสำคัญของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาโดยเสมอ ตลอดจนถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้มี ความแน่นแฟ้นกับ กลุ่มลูกค้าชาวไทย โดยยึดมั่นในแนวทางการให้คุณค่าและความสำคัญกับลูกค้า เราจึงได้จัดเตรียม ผลิตภัณฑ์ในระดับพรีเมียม ตลอดจนบริการอันหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคม คาร์บอนต่ำ โดยนิทรรศการในครั้งนี้ เรายังได้ จัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในรุ่น Hi-MO 7 ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ ตลอดจนความน่าเชื่อถือในระดับสูง ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุโครงการ (LCOE) ได้อย่างต่อเนื่อง และส่งมอบคุณค่าด้วยความมุ่งมั่นซึ่งอยู่ เหนือความหวังสำหรับลูกค้าของเรา
“แสง” ไม่เพียงนำมาซึ่งความสว่างไสวและความอบอุ่นให้กับชุมชนในท้องถิ่นของประเทศไทยแค่เพียงอย่างเดียว ทว่ายังเป็น เครื่องหมายที่ถูกใช้แทนความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงโลกอันปราศจากการปล่อยก๊าซ คาร์บอน (carbon-free world) ด้วย การทำหน้าที่เป็นผู้นำเพื่อให้ทุกคนได้มีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งทรัพยากรจากแสงอาทิตย์ จึงนับเป็น ปณิธานอันมุ่งมั่นของลอนจิที่มีมาอยู่เสมอ และเพื่อตอบรับการเปลี่ยนผ่านโยบายทางด้านพลังงานในประเทศไทย และเทรนด์ ซึ่งกำลังเป็นกระแสโลกในการก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ลอนจิ จึงจะยังคงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำ ในอุตสาหกรรมการใช้พลังงานจากแสงอย่างต่อไป ผ่านการใช้นวัตกรรม การจัดเตรียมบริการด้วยคุณภาพในระดับสูง ตลอดจน การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะช่วยอำนวยความสะดวก ในการนำภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางสู่เส้นทางสีเขียวได้ในอนาคตอันใกล้
No comments:
Post a Comment