ย้อนรอยประวัติศาสตร์ สัมผัสกลิ่นอายของอดีต เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน ผ่าน 5 พิพิธภัณฑ์ในเขตพระนคร
หลังจากหยุดอยู่บ้านกันมานานหลายเดือน ทั้งหยิบหนังสือมาอ่าน ดูซีรีส์จนฉ่ำตา จิบกาแฟกับเจ้าแมวขี้อ้อน เชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงอยากออกเดินทางให้สายลมประทะหน้ากันอีกครั้งซะแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่การออกเดินทางไปต่างจังหวัดยังไม่สะดวกมากนัก วันนี้เราเลยจะขอพาทุกคนมาเที่ยวใกล้ ๆ กันก่อนที่พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในเขตพระนคร ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
เขตพระนครหรือบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ที่มีกลิ่นอายแห่งอดีตซุกซ่อนอยู่ และมันจะยิ่งชัดเจนหากได้ไปสัมผัส 5 พิพิธภัณฑ์ที่เราจะพาไปในวันนี้ คือ มิวเซียมสยาม, หอศิลป์กรุงไทย, หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ และ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ ชื่อในปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก ซึ่งพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งนี้ใช้บัตร Thailand Museum Pass เข้าชมได้ฟรี แถมด้วยที่เที่ยวระหว่างทางสองฝั่งแม่น้ำลำคลองที่สามารถแวะกิน ชิม ชม กันได้อย่างไม่มีเบื่ออีกด้วย
มิวเซียมสยาม
เริ่มที่แรกกันที่มิวเซียมสยาม ซึ่งวันนี้เราจะเดินทางกันโดยใช้เส้นทางเรือเป็นหลัก เริ่มจากการนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า เรือธงส้ม มาลงที่ท่ายอดพิมาน แล้วเดินต่อลัดเลาะเข้าซอยข้างโรงเรียนราชินี เดินมาไม่ไกลนักก็จะเจอกับสถานีตำรวจนครบาลพระราชวังตึกเก่าสีเหลืองอมส้ม เดินเลยมานิดเดียวก็จะมองเห็น ‘มิวเซียมสยาม’ อยู่ทางด้านซ้ายมือ
หรือหากใครอยากจะชมวิวเพิ่มอีกสักหน่อยสามารถลงที่ท่าเตียนได้อีกด้วย ซึ่งท่าเรือนี้จะแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวเพราะจากตรงนี้สามารถเดินไปชมสถานที่สำคัญ ๆ อย่าง พระบรมมหาราชวัง วัดพระเชตุพนฯ หรือหาร้านสวย ๆ แถวตลาดท่าเตียนนั่งชมวิววัดอรุณฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเดินไปมิวเซียมสยามก็ได้
ที่ดินของมิวเซียมสยามและสถานีตำรวจพระบรมมหาราชวังเคยใช้เป็นวังถึง 5 วังในสมัยรัชกาลที่ 5 จนต่อมาในรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าให้แบ่งที่ดินเพื่อสร้างเป็นสถานีตำรวจนครบาลและตึกกระทรวงพาณิชย์ ในปัจจุบันพื้นที่ในบริเวณตึกกระทรวงพาณิชย์ถูกเปลี่ยนเป็น ‘มิวเซียมสยาม’ พิพิธภัณฑ์แสนเก๋ที่ทำให้เรามองภาพพิพิธภัณฑ์ที่มีแต่ข้อมูลน่าเบื่อเปลี่ยนไปเลย
‘มิวเซียมสยาม’ พิพิธภัณฑ์ที่เล่าความเป็นไทยไว้ในหลากหลายมุมอง บ้างก็แซะไว้อย่างเจ็บแสบ บ้างก็ทำให้เราได้ย้อนกลับมาสำรวจความคิดความเชื่อตัวเองอีกครั้ง ในนิทรรศการหลักชุด ‘ถอดรหัสไทย’ เล่าเรื่องผ่านทั้ง 14 ห้องนิทรรศการ
ในชั้น 2 เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “นางกวักตัวใหญ่” สูงราว 4 เมตร เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เธอมีชื่อว่า “แม่เอิบทรัพย์” เป็นนางกวักที่แตกต่างจากที่เคยเห็นทั่วไปคือมีรูปร่างอวบอิ่ม ตากลมโตน่ารัก ที่มาคอยกวักมือเรียกทุกคนให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้เพื่อเรียนรู้กันอย่างเพลิดเพลินนั่นเอง
ก่อนจะไปที่อื่นกันต่อเดินเลยไปแถวปากคลองตลาดกันสักนิดมีร้านที่อาจเคยเห็นผ่านตาใน pinterest ซ่อนตัวอยู่ อย่างร้าน นภสร หรือร้าน Floral Cafe At Napassorn คาเฟ่ซึ่งอยู่ชั้นบนของร้านดอกไม้ นอกจากหอมดอกไม้อบอวลทั่วทั้งตลาดแล้วยังได้กลิ่นกรุ่นของกาแฟอีกด้วย
ตอนนี้มิวเซียมสยามเปิดให้บริการแล้วโดยเข้าชมได้ทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์ ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 100 บาท นักเรียนนักศึกษา 50 บาท แต่ถ้าพกบัตร Thailand Museum Pass ไปเข้าชมฟรี!
หอศิลป์กรุงไทย
เมื่อออกจากมิวเซียมสยาม เรานั่งเรือด่วนเจ้าพระยาต่อมาลงที่ ท่าราชวงศ์ เดินออกไปยังถนนเยาวราชประมาณ 600 เมตร แวะทานไอศกรีมดับร้อนที่ร้าน JING JING Ice-cream Bar and Cafe ร้านไอศกรีมที่มีบรรยากาศเหมือนในหนังของหว่องกาไวที่เหล่าคาเฟ่ฮอปปิ้งพลาดไม่ได้
หลังออกจากร้านไอศกรีมเราเดินไปยังจุดมุ่งหมายหลักของเราซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ไชน่า ตึกเก่าทรงชิโน-โปรตุกีสซึ่งเคยเป็นธนาคารกรุงไทยสาขาเยาวราชมาก่อน ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็น ‘หอศิลป์กรุงไทย’ หอศิลป์ที่รวบรวมผลงานศิลปะที่ชนะการประกวด ‘กรุงไทยสานศิลปะวัฒนธรรม’ และผลงานศิลปะที่สะสมไว้กว่า 170 ชิ้น
ถ่ายรูปก้อนเมฆ มองวิวถนนเยาวราชบนชั้นดาดฟ้าเสร็จเรายังเหลือเวลาไปช้อปปิ้ง จากหอศิลป์นี้เดินไปไม่ถึง 3 นาที ก็เป็นตลาดสำเพ็งเราแวะซื้อของกระจุกกระจิกติดไม้ติดมือกลับบ้าน ใครเป็นสายคราฟต์หน่อยก็อาจจะวางแผนโฉบไปพาหุรัดซื้อผ้าลายสวยมาเป็นพรอพถ่ายรูป หรือซื้ออุปกรณ์ทำกระเป๋าผ้าแสนชิค เดินได้เพลินๆ เผื่อปิ๊งไอเดียใหม่กลับบ้านก็นับว่าการเที่ยวครั้งนี้เป็นการออกมาหาอินสไปร์ที่คุ้มค่าทีเดียว
หอศิลป์กรุงไทยเปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 - 17.00 น. ส่วนวันเสาร์ 10.00 น. - 17.00 น. ปิดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดธนาคาร ใครวางแผนมากินตลาดกลางคืนที่เยาวราชช่วงกลางวันถ้าไม่รู้จะไปไหนลองมาใช้เวลาที่นี่ดู
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก
ขยับออกจากเขตกรุงเก่ากันเสียหน่อย จะโบกตุ๊ก ๆ จากหอศิลป์กรุงไทย หรือขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าโอเรียนเต็ลแบบเราก็ได้ แล้วเดินไปทางถนนเจริญกรุง เลี้ยวเข้าบ้านไม้สวยบนถนนเจริญกรุง 43 ที่ตั้งของ ‘พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก’ บ้านที่จำลองวิถีชีวิตของชาวบางกอกหรือชาวกรุงเทพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเครื่องเรือนไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ของคนที่มีฐานะปานกลางในสมัยนั้นไว้ได้อย่างสมบูรณ์
อีกทางเลือกคือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าสี่พระยาแวะกิน Feng Zhu เกี๊ยวซ่าหน้าเปิด ร้านสไตล์จีนข้างห้างฯ River City Bangkok เดินถ่ายรูปในซอยกัปตันบุช บ้านเลขที่ 1 และ Warehouse 30 ก่อนจะเดินข้ามถนนไปยังซอยเจริญกรุง 43 เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ก็ได้
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก คือ พิพิธภัณฑ์ที่เปลี่ยนจากบ้านที่อยู่อาศัยจริงจนถึงบั้นปลายชีวิตของอาจารย์วราพร สุรวดี ซึ่งบ้านหลังนี้ได้รับมรดกจากผู้เป็นแม่ นางสอาง (ตันบุณเต็ก) เป็นความตั้งใจเพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสบรรยากาศเมื่อ 70 ปีที่แล้ว
ก้าวเข้าอาคารหลังแรกเป็นบ้านที่อาจารย์เคยอาศัย ออกแบบตามอย่างฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน เครื่องเรือน หรือของใช้ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก เราเดินมาถึงห้องรับแขกของบ้านสะดุดตาเข้ากับเปียโนหลังเก่า พบว่ามีอายุตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวแป้นกดทำมาจากงาช้าง ข้างกันกับเปียโนหลังงามมีเครื่องแก้วเจียรไน เช่น แก้วไวน์ แก้วมาตินี่ สวยงามเล่นกับแสงของไฟ
เราเดินสำรวจบ้านเข้ามาลึกเรื่อยๆ สิ่งที่ดูแปลกตาเห็นจะเป็นโถส้วมเมื่อสมัยยังไม่มีน้ำประปาใช้ เพราะภายใต้ฝาชักโครกนั้นมีกระโถนรองไว้ พิพิธภัณฑ์บอกเราว่ามีไว้สำหรับรองรับและสะดวกในการนำไปทิ้งนอกบ้าน เราก็ได้แต่คิดว่าการเข้าห้องน้ำในสมัยก่อนนี่เป็นเรื่องลำบากจริงๆ นะ
ลงจากบ้านแรกมาที่บ้านหลังที่สอง เป็นหลังที่ยกคลีนิกของคุณหมอฟรานซิส คริสเตียน จากซอยงามดูพลีมาไว้ในขนาดย่อส่วนลงมาหน่อย บรรยากาศภายในนั้นขอบอกเลยว่าไม่ผิดแผกไปจากของเดิมมากนัก ทางพิพิธภัณฑ์จัดวางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นวิถีชีวิตในสมัยนั้น ในพิพิธภัณฑ์นี้ยังเหลือบ้านอีก 2 หลัง แต่เราขออุบเอาไว้ให้ตามไปลองเที่ยวกันเองดีกว่า
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก เปิดทำการทุกวันพุธ-อาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 10.00-16.00 น. ความตั้งใจของอาจารย์คือเปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับใครที่พกบัตร Thailand Museum Pass จะได้รับสติกเกอร์ของพิพิธภัณฑ์มาเป็นที่ระลึกด้วย
พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ
ย้ายจากเรือด่วนเจ้าพระยามาลงเรือด่วนคลองแสนแสบกันบ้าง พิพิธภัณฑ์ต่อมาที่เราอยากชวนมาคือ 'พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ’ อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แค่นั่งเรือด่วนคลองแสนแสบมาจนสุดสายก็ถึงแล้ว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้ท่าเรือมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะแค่เราเดินออกจากท่าเราก็จะเห็นอาคารทรงยุโรปตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน พร้อมให้เราเข้าไปย้อนอดีตเมื่อสมัยรัชกาลที่ 7 แล้ว
เมื่อสิ่งของทุกชิ้นมักมีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ อาจมีคุณค่ากับจิตใจ อาจเป็นชิ้นส่วนของความทรงจำ อาจเป็นสิ่งที่จารึกประวัติศาสตร์บทเก่า สิ่งเหล่านี้เองทำให้ของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นั้นมีคุณค่ามากนัก เหมือนกับจุดเริ่มต้นของ 'พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ’ พิพิธภัณฑ์พระมหากษัตริย์ ที่พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานเครื่องราชภัณฑ์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาจัดแสดง
เราเริ่มกันที่ชั้นแรกเป็นส่วนพระราชประวัติและภายในตู้กระจกมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เราได้เห็นชุดของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีที่เป็นชุดอย่างสตรีชาวยุโรป มีกระเป๋าใบสวยที่ชื่อว่า ‘กระเป๋าเสื่อสมเด็จ’ ที่เป็นอีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมอาชีพให้กับคนเมืองจันฯ ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเสื่อจันทรบูรด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 เราเดินชมภาพหายากซึ่งบอกถึงพระราชประวัติก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ เช่น ภาพตอนทรงผนวช ทรงอภิเษกสมรส นอกจากนั้นยังมีห้องที่จำลองบรรยากาศโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง โรงภาพยนตร์แห่งแรกของประเทศไทย เมื่อครั้งที่ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนและฉายหนังฝรั่งระดับฮอลลีวู้ด ถึงแม้ว่าปัจจุบันตัวอาคารศาลาเฉลิมกรุงจะยังอยู่คงความขลังแต่ภาพบรรยากาศเก่าๆ ทั้งผู้คนและแสงไฟนั้นสามารถหาชมได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แนะนำว่าให้เผื่อเวลามา เพราะจะมีภาพยนตร์ฉายวันละ 2 รอบ เวลา 10.30 และ 14.30 น. เท่านั้น มีทั้งภาพยนตร์หายากและภาพยนตร์ส่วนพระองค์ที่น่าสนใจมากทีเดียว
บนถนนหลานหลวงยังเป็นที่ซ่อนตัวของคาเฟ่และร้านรวงที่อยู่ท่ามกลางตึกเก่า เราแวะเข้าไปที่ร้าน Alex&Beth ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟแต่ยังเสิร์ฟของหวานทั้ง เค้ก พาย และทาร์ตด้วยนะ
พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ เปิดทำการทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. หยุดวันจันทร์ สามารถเข้าชมได้ฟรี หรือใครจะชมจากทางบ้านที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงให้ได้เดินเข้าในสมัยรัชกาล 7 ผ่านโลกอินเทอร์เน็ตกันด้วย ที่เว็บ http://www.kingprajadhipokmuseum.com
หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พิพิธภัณฑ์สุดท้าย สำหรับใครที่ยังไม่เต็มอิ่มกับหน้าประวัติศาสตร์ที่เพิ่งได้ย้อนรอยไป หรือมีเวลาเหลือ อยากชวนเดินข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปชม 'หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ' เพราะสามารถไปจากท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศได้เหมือนกัน
เราเดินเข้ามาในอาคารซึ่งเคยเป็นที่ทำการของธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานผ่านฟ้า ที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สำหรับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ ไม่แปลกเลยที่สถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับสถานที่สำคัญหลายแห่งบนถนนราชดำเนินกลางถนนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เส้นนี้
เนื่องจากหอศิลป์แห่งนี้จัดเป็นนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปีตอนที่เรามาเที่ยวกับตอนที่ทุกคนมาอาจไม่เหมือนกัน เราเดินดูงานศิลปะกว่าร้อยชิ้นตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 4 ซึ่งถูกจัดวางไว้หลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นงาน ประติมากรรม สีน้ำ สีฝุ่น ไปจนถึงสื่อผสม โดยหอศิลป์แห่งนี้เน้นสนับสนุนศิลปินไทยรุ่นใหม่ไปจนถึงศิลปินระดับตำนานหลากหลายท่าน เราจึงเห็นได้ถึงความหลากหลายทางศิลปะเอามากๆ และบนชั้น 5 ยังเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะกับคนที่สนใจอีกด้วย
นอกจากเที่ยวหอศิลป์แล้วเรายังโบกรถไปตลาดเก่าอย่างตลาดนางเลิ้งที่ยังคงความเป็นตลาด 100 ปีเอาไว้ มีทั้งของกินและร้านรวงที่ให้กลิ่นอายของยุคเก่าก่อน ห้ามพลาดที่จะชิมร้านดังของที่นี่อย่างไส้กรอกปลาแนมหรือถ้าพูดถึงก๋วยเตี๋ยวเป็ดก็ต้องร้าน ส.รุ่งโรจน์ในตำนานนี่แหละ เด็ด!
หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดทำการทุกวัน เวลา 10.00 - 19.00 น. ปิดทุกวันพุธ ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 50 บาท
เราไปลงเรือย้อนรอยประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์กันมา 5 พิพิธภัณฑ์ มีแวะเที่ยวระหว่างทางกันบ้าง ถึงอย่างงั้นก็ยังมีอีกหลายที่ที่รอให้เราไปเที่ยวสนุก ๆ แบบไม่หยุดเรียนรู้อยู่อีก แต่จะเป็นที่ไหนติดตามในโพสต์ต่อไป ที่สำคัญอย่าลืมมีบัตร Thailand Museum Pass เป็นของตัวเองจะได้เข้าชมฟรีๆ แล้วไปเที่ยวกับเรานะ :)
Post Top Ad
Monday, June 15, 2020

เดินเท้า ลงเรือ ตะลุย 5 พิพิธภัณฑ์เขตพระนคร
Tags
# ท่องเที่ยว
Share This
About threportor
ท่องเที่ยว
Labels:
ท่องเที่ยว
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
No comments:
Post a Comment