แมวทำหมัน ทำไมถึงสำคัญ!! ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำหมันน้องเหมียว - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Monday, November 12, 2018

แมวทำหมัน ทำไมถึงสำคัญ!! ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำหมันน้องเหมียว



เป็นที่ทราบกันดีว่าวิธีการคุมกำเนิดน้องเหมียวอย่างถาวรที่ดีที่สุด คือ การผ่าตัดทำหมัน (Neutering) แต่ในทุกวันนี้ ทาสแมวทั้งหลายอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “ทำหมัน” กันมานาน จนดูเหมือนว่าการพาน้องเหมียวไปทำหมันที่คลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์ จะฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรรู้บางอย่างที่ทาสแมวจะต้องคำนึงถึงก่อนที่จะเจ้านายไปถึงมือหมอก่อน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น คือ


1. อายุเท่าไรถึงจะทำหมันได้ เคยมีความเชื่อว่าต้องรอให้สัตว์เป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่เสียก่อนจึงทำหมันได้ คืออายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป หรือมีการแสดงอาการเป็นสัดไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ในปัจจุบันได้มีการศึกษารายงานแล้วว่าสามารถทำหมันในแมวได้ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะเป็นข้อดีในกรณีที่ต้องการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยง เพราะถ้ารอจนสัตว์แสดงอาการเป็นสัดไปแล้ว สัตว์อาจบังเอิญได้รับการผสมและตั้งท้องคลอดลูกออกมาเป็นภาระให้เจ้าของได้ โดยเฉพาะแมวเพศเมียบางตัวอาจแสดงอาการการเป็นสัดที่ไม่ชัดเจนซึ่งจะสังเกตได้ยาก

2. การทำหมันที่ถูกต้องและเหมาะสม คือ การตัดรังไข่และมดลูกออกทั้งสองข้างในสัตว์เพศเมีย และตัดอัณฑะรวมถึงท่อนำอสุจิออกทั้งสองข้างในสัตว์เพศผู้ ซึ่งวิธีและขั้นตอนการผ่าตัดแต่ละเพศนั้นมีความแตกต่างกัน

3. การผ่าตัดจำเป็นต้องมีการวางยาสลบ ดังนั้นสุขภาพของน้องแมวที่จะรับการผ่าตัดทำหมันต้องได้รับการตรวจสุขภาพร่างกายว่าแข็งแรงดี จากนั้นสัตวแพทย์จะทำการนัดวันผ่าตัด ซึ่งน้องเหมียวจะต้องงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด โดยระยะเวลาในการวางยาในเพศเมียจะใช้เวลามากกว่าเพศผู้ ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณครึ่งชม.ถึง 1 ชม. ในเพศเมีย ขึ้นอยู่กับความชำนาญของสัตวแพทย์

4. หลังผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว การดูแลแผลหลังผ่าตัดเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวเพศเมีย เนื่องจากการตัดรังไข่และมดลูกออกจะต้องมีการเปิดผ่าช่องท้องซึ่งนับได้ว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ทาสแมวจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพาแมวไปรับการทำแผลทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 วัน สัตวแพทย์อาจให้ยาลดปวดหลังผ่าตัดในระยะนี้เพื่อทำให้สัตว์สบายขึ้น ข้อควรระวัง คือ อย่าปล่อยน้องเหมียวออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านเนื่องจากแผลอาจมีการติดเชื้อและเกิดรอยปริของแผลตามมาได้

5. ถ้าแผลดีและไม่มีภาวะแทรกซ้อน หมออาจจะนัดตัดไหมประมาณ 7 วันหลังผ่าตัด การทิ้งไหมผ่าตัดไว้นานเกินไป จะทำให้ไหมบาดแผลเกิดการอักเสบของแผลตามมาได้ ในบางกรณีถ้าเจ้าของไม่มีเวลาพาน้องมาตัดไหม การเย็บแผลโดยใช้ไหมละลาย ไม่มีการเย็บบริเวณผิวหนังด้านนอกนั้น สามารถทำได้เช่นกัน แต่ก็ต้องการการดูแลเป็นพิเศษมากขึ้น เช่น จำกัดบริเวณ ใส่ปลอกคอกันเลียตลอดเวลา เป็นต้น เพื่อป้องกันแผลแตกได้


ข้อดีของการผ่าตัดทำหมัน

นอกจากการผ่าตัดทำหมันจะเป็นการคุมกำเนิดถาวรที่ให้ผลดีที่สุดแล้ว ยังเป็นการลดโอกาสการเกิดโรคทางระบบสืบพันธุ์ได้อีกด้วย โดยเฉพาะเนื้องอกเต้านมในแมว อุบัติการณ์ลดลงได้ถึงเกือบ 100% หากมีการทำหมันก่อนสัตว์แสดงอาการเป็นสัดครั้งแรก นอกจากนี้ การตัดรังไข่ มดลูก และอัณฑะออกจะเป็นการกำจัดโอกาสการเกิดความผิดปกติและเนื้องอกของอวัยวะเหล่านี้ออกไปอย่างถาวรอีกด้วย

ไม่แนะนำให้ใช้การฉีดยาเพื่อคุมกำเนิดเนื่องจากส่งผลเสียต่อทั้งสุนัขและแมวมาก งานวิจัยต่างๆระบุว่าเป็นปัจจัยใหญ่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบเป็นหนอง ซึ่งก่อให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ไตวาย และเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดมะเร็งเต้านมทั้งในสุนัขและแมวอีกด้วย อีกปัญหาหนึ่งคือ หากฉีดในช่วงที่สุนัขหรือแมวตั้งครรภ์แล้วนั้น จะส่งผลให้ไม่สามารถคลอดลูกได้ การพัฒนาของตัวอ่อนอาจผิดปกติไป สุดท้ายลูกสัตว์เสียชีวิต ส่งผลให้แม่เสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้นการผ่าตัดทำหมันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้

พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังทำหมัน

จะเห็นได้ชัดคือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องจากฮอร์โมนเพศจะลดลงมาก การผ่าตัดทำหมันเป็นการตัดเอาแหล่งผลิตฮอร์โมนเพศที่สำคัญออก ดังนั้นพฤติกรรมการขึ้นขี่ (Mounting) ชอบหนีเที่ยว ติดสัตว์เพศเมีย หรือการยกขาปัสสาวะเพื่อบอกขอบเขตอาณาบริเวณความเป็นเจ้าของ (Urine Spraying and Marking) จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในแมวเพศผู้ รวมถึงพฤติกรรมก้าวร้าว ดุ หรือกัดสัตว์ตัวอื่น หรือสมาชิกของบ้านจะลดลง แต่ไม่มีผลกับความก้าวร้าวต่อคนแปลกหน้า นอกจากนั้นความซุกซน ชอบเล่น ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดหลังทำหมันเช่นเดียวกัน


ความอ้วนกับการทำหมัน

นอกจากสายพันธุ์ เพศ อายุ และอาหารการกินจะเป็นปัจจัยของโรคอ้วนในน้องเหมียวแล้ว ผลการศึกษาหลายฉบับรายงานยืนยันว่าการทำหมันก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้น้องเหมียวมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่ม (Overweight) และเป็นโรคอ้วน (Obesity) ซึ่งสามารถอธิบายได้จากการเผาผลาญพลังงานที่ลดลง ความอยากอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ สัตว์ที่เป็นโรคอ้วนยังมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ง่าย เช่น โรคเบาหวาน โรคของต่อมไทรอยด์ชนิด Hypothyroidism และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าและเอ็นข้อเข่าฉีกขาด ดังนั้นภายหลังการทำหมัน ทาสแมวควรคำนึงถึงเรื่องของอาหารและการออกกำลังกายของน้องเหมียวด้วย อาจค่อยๆ มีการปรับเปลี่ยนอาหารและเพิ่มการออกกำลังกาย อาหารสำเร็จรูปเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการคุมน้ำหนักที่ดี เนื่องจากทาสแมวจะทราบปริมาณแน่นอนที่ให้สัตว์กิน โดยในปัจจุบันมีอาหารแมวสำเร็จรูปชนิดที่ให้พลังงานต่ำ (Light Formula) หรือสูตรเฉพาะสำหรับแมวที่ทำหมันจำหน่ายแล้ว เช่น อาหารแมวนำเข้าจากเบลเยี่ยม แบรนด์ ลาร่า (Lara) ที่มีสูตรสำหรับแมวทำหมัน (Sterilized) ให้โปรตีนสูง แต่แคลอรี่ต่ำ ไร้มัน โดยอาหารดังกล่าวจะมีสูตรอาหารที่ให้พลังงานน้อย มีการเพิ่มกากใยมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเติมสารอาหารที่เร่งการเผาผลาญไขมัน (Fat Burner) เช่น L-Carnitine จึงช่วยควบคุมน้ำหนักและป้องกันโรคอ้วนได้เป็นอย่างดี และยังสะดวกเพราะสามารถใช้กินได้ทั้งแมวเพศผู้และเพศเมีย

คุณหมอ น.สพ.นายเศกรินทร์ พลอยเพ็ชร์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ห้วยขวาง กล่าวว่า นอกเหนือจากข้อดีของการทำหมันในสัตว์ที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว เจ้าของแมวยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงอีก 1 อย่าง คือ ภาวะปัสสาวะเล็ดหลังทำหมัน (Urinary Incontinence) ซึ่งจากการเก็บข้อมูลในต่างประเทศมีรายงานว่า มีโอกาสการเกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดที่เพิ่มสูงขึ้นในแมวกลุ่มที่ได้รับการทำหมัน และปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่อาจพบตามมาได้ เช่น ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผนังกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ทำให้มีแนวโน้มที่การควบคุมปัสสาวะจะทำได้ไม่ดีเหมือนปกติ และเมื่อร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความอ้วน สายพันธุ์ และขนาดตัว แต่การรักษาโดยให้ทานยาจะสามารถลดอาการได้ดี แต่หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ใกล้บ้าน อย่าปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะช่วยให้การจัดการกับโรคจะไม่ซับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การทำหมันอาจจะมีผลเสียอยู่บ้าง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลังผ่าตัด แต่ก็ไม่ได้มีอุบัติการณ์ของโรคที่สูงมากนัก นอกจากนี้ การทำหมันก็มีผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ ตามที่กล่าวมา และมีประสิทธิภาพอย่างสูงในแง่ของการคุมกำเนิด เนื่องจากปัญหาการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากของแมวจรจัดในประเทศไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง การรณรงค์ให้เจ้าของแมวนำสัตว์ไปรับการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องกระทำ สิ่งต่างๆ เหล่านี้สัตวแพทย์ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมเป็นกรณีไป









No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages