ทีเส็บดึงผู้นำไมซ์โลก ร่วม ‘ไทยแลนด์ ไมซ์ ฟอรั่ม’ ดันไทยขึ้นแชมป์ - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Saturday, September 14, 2019

ทีเส็บดึงผู้นำไมซ์โลก ร่วม ‘ไทยแลนด์ ไมซ์ ฟอรั่ม’ ดันไทยขึ้นแชมป์



ทีเส็บจัดงาน Thailand MICE Forum2019 (TMF 2019) เวทีรวมพลผู้ประกอบการไมซ์ ดึงผู้บริหารระดับสูงจากสมาคมด้านไมซ์ระดับโลก ร่วมเปิดมุมมองเสริมความแกร่งไมซ์ไทยประกาศศักยภาพไทยในฐานะจุดหมายปลายทางไมซ์ระดับภูมิภาค พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยปี 2563

นายจิรุตถ์อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บกำหนดจัดงาน Thailand MICE Forum 2019 หรือ TMF 2019ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้วยยุทธศาสตร์ไมซ์” หรือ “Thailand’s Opportunity: Asia’s Top MICE Destination” เพื่อเป็นเวทีสร้างการรับรู้ และตื่นตัวให้กับผู้ประกอบการไมซ์ไทยร่วมสร้าง “โอกาส” และผลักดันไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจไมซ์ระดับเอเชีย (Asia’s Top MICE Destination)ไปด้วยกันอย่างมีทิศทางและแผนกลยุทธ์ในแนวทางเดียวกัน

“กิจกรรมไฮไลท์ปีนี้ คือ ทีเส็บได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของ3 สมาคมด้านไมซ์ระดับโลก ได้แก่ สมาคมส่งเสริมธุรกิจการจัดอินเซนทีฟระดับโลก (SITE)สมาคมด้านการประชุมนานาชาติของโลก (ICCA) และสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก(UFI) มาร่วมพูดคุยเปิดมุมมองให้กับผู้ประกอบการไทยในหัวข้อเสริมแกร่งการแข่งขันไทย ด้วยมุมมองไมซ์โลกนอกจากนี้ ยังมีบรรยายพิเศษในหัวข้อ Customer-First Experience Creation for Business Events หรือ สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าประทับใจในวินาทีแรกผ่านการจัดงานเชิงธุรกิจ โดยผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ กลุ่มดุสิตธานี สยามพิวรรธน์ และไทยเบฟซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทย รวมถึงการติดต่อทำธุรกิจไมซ์กับนานาชาติ”

ภายในงาน ทีเส็บในฐานะหน่วยงานรัฐหลักผู้ขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปี 2563ชี้ทิศทางครอบคลุมทั้งด้านการดำเนินงาน การตลาด และการบริหารงาน โดยกำหนดกรอบการทำงานภายใต้ 5 แนวทางหลัก ประกอบด้วย การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ การสร้างและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค การสร้างภาพลักษณ์ไมซ์ไทยและทีเส็บในฐานะองค์กรหลักที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ การพัฒนานวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน และการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กร มุ่งสู่การเป็นองค์การมหาชน 4.0 ทั้งด้านบุคลากร สำนักงาน กระบวนการทำงาน ด้วยการบริหารงานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส

การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ เน้นการดึงงานสำคัญและสนับสนุนงานตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งงานใหญ่ในระดับภูมิภาคและระดับโลก สร้างและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคเน้นเพิ่มการกระจายการจัดงานไมซ์ในภูมิภาคต่างๆของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับการจัดงานไปสู่นานาชาติ ทำแผนพัฒนาไมซ์เมืองรองและพัฒนามาตรฐานเมืองไมซ์โดยเน้นการทำตลาดอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้นผ่านโครงการไมซ์เพื่อชุมชน และโครงการพัฒนาในภูมิภาคและพื้นที่สำคัญ เช่น EEC, Thailand Riviera และให้ความสำคัญกับสื่อดิจิทัล ควบคู่กับงานวิจัย การจัดทำข้อมูลBig Data และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีสนับสนุนธุรกิจไมซ์ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการให้ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง

สำหรับ ตลาดต่างประเทศ ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดเอเชียเป็นหลักเพราะมีการเติบโตสูง โดยมีตลาดยุโรป อเมริกา และโอเชียเนียเป็นตลาดรอง พร้อมกับแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ทางด้านตลาดในประเทศ เน้นทำตลาดและสร้างงานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ สร้างความเข้มแข็งเมืองที่มีศักยภาพและพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น EEC รวมทั้งอุตสาหกรรมตามเป้าหมายของรัฐบาล เช่น กลุ่ม S-curve ด้านการเกษตร ท่องเที่ยวอาหาร และอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงานและการค้าการลงทุน นำไปสู่การจัดอันดับไมซ์ประเทศไทยในระดับโลก

ประมาณการเป้าหมายอุตสาหกรรมไมซ์ปี 2563 ไทยจะมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 37,781,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 232,700 ล้านบาท แบ่งเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ต่างประเทศ 1,386,000 คน ทำรายได้ 105,600 ล้านบาท นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศกว่า 36,395,000 คน คิดเป็นรายได้ 127,100 ล้านบาท

ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวต่อไปว่า ปีงบประมาณหน้าประเทศไทยได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานไมซ์สำคัญหลายงานเช่น การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมใหญ่ด้านงานแสดงสินค้าโลกหรือ 86th UFI Global Congress จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI) ระหว่างวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2562 ภายใต้แนวคิด “Platforms of Trust : Connect – Engage – Succeed คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 550 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก โดยในงานจะแบ่งเป็น 5 โซนกิจกรรม ประกอบด้วย Thai Town โซนพิเศษแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าและไมซ์ซิตี้/ สัมมนาเชิงธุรกิจ “ประเทศไทย” จุดหมายใหม่แห่งอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของโลก/ เวทีเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ/ กิจกรรมเพื่อสังคม และกอล์ฟกระชับมิตร

ผู้เข้าร่วมงานจะสัมผัสประสบการณ์การจัดงานสะท้อนวัฒนธรรมและประเพณีไทย เช่น กิจกรรมงานบุญของไทยที่มีเสน่ห์และมีอัตลักษณ์ เช่น ชมเทศกาลงานวัดศิลปะมวยไทย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยาม ซึ่งจะจัดขึ้นในงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำ UFI Grand Night Out ณ วัดโพธิ์ท่าเตียนและส่งท้ายด้วยกิจกรรมสัมผัสกับประสบการณ์ชีวิตวิถีธรรมชาติณ ปฐม ออร์แกนิควิลเลจ สวนสามพราน

“การเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ ทีเส็บมุ่งหวังว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากผู้เข้าร่วมงาน 550 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจกว่า 44 ล้านบาท อีกทั้งยังทำให้นานาชาติรับรู้ถึงความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก ยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก” นายจิรุตถ์ กล่าวสรุป

ด้านมร.ไค ฮัทเทนดอฟกรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก หรือ UFIกล่าวว่า “ศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางงานแสดงสินค้านานาชาติได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ข้อมูลจากการวิจัยล่าสุดของ UFI ได้ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีตำแหน่งทางการตลาดที่เหมาะสม สามารถรองรับการขยายตัวเพิ่มเติมได้เป็นอย่างดีในอนาคตอันใกล้นี้ อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยเปรียบได้กับกรณีศึกษาที่โดดเด่นสำหรับงานพัฒนา นโยบายและการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้นอกเหนือจากการท่องเที่ยว สำหรับทาง UFI สิ่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเลือกกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานประชุมใหญ่ประจำปีด้านงานแสดงสินค้าระดับโลก หรือ 86th UFI Global Congress ในปีนี้”

นายทาลูน เทง นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA กล่าวว่า “ปัจจุบันสถานการณ์การจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นทุกปี มีการขยายตัวของพื้นที่จัดงานมากขึ้น โดยแต่ละงานเริ่มมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ร่วมงาน ผมมองว่าธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเติบโตเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ระดับโลก แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร การบริการ เทคโนโลยี กฎระเบียบบางอย่าง รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องร่วมกันพัฒนามาตรฐานของตนเอง และทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อดึงงานแสดงสินค้าระดับโลกมาจัดในประเทศไทย

“สำหรับงานแสดงสินค้าระดับโลก 86th UFI Global Congress 2019 ในปีนี้ที่ทางสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ได้เป็นเจ้าภาพ ทางสมาคมการแสดงสินค้า(ไทย)ก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ และนับเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะได้พบปะผู้จัดงานระดับโลกที่เดินทางมายังประเทศไทยอีกด้วย”

นอกจากนี้ มีงานไมซ์ไฮไลท์อีกมากมายในปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 ) ทั้งงานแสดงสินค้านานาชาติ อาทิ งาน ASEAN BIKE powered by EURO BIKE หรืองานแสดงสินค้าจักรยานอาเซียน (3-5 ต.ค. 2562)จำนวน 8,000 คนงาน Thailand Marine & Offshore Expo 2019หรืองานมหกรรมอุตสาหกรรมนอกชายฝั่งทะเลการต่อเรือและการขนส่งทางเรือ(9-11ต.ค. 2562)จำนวน 3,700 คน และ งาน VIV health & Nutrition Asia 2020หรืองานแสดงเทคโนโลยีและสัมมนาสำหรับอุตสาหกรรมปศุสัตว์และสัตว์น้ำ(24-26 มี.ค. 2563) จำนวน 4,650 คน/ งานประชุมนานาชาติอาทิ งาน Asia Fitness Conferenceหรืองานประชุมนานาชาติเพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกีฬาและการออกกำลังกาย(10-14 ต.ค. 2562)จำนวน 1,200 คนกรุงเทพมหานคร งาน Routes Asia 2020หรืองานประชุมนานาชาติ ด้านการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยาน และการลงทุนด้านธุรกิจการบิน (8-10 มี.ค. 2563)จำนวน 1,200 คน เชียงใหม่ / งานประชุมสัมมนาและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล อาทิ งาน Herbalife Southeast Asia Extravaganza 2020 (14-17 พ.ค. 2563)จำนวน 10,000 คน/ งานเมกะอีเว้นท์และเทศกาลนานาชาติ อาทิ งานL’ÉTAPE THAILAND BY TOUR DE FRANCE รายการแข่งขันจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของโลก (25-27 ต.ค.2562) จำนวน 16,000 คนพังงา / งานแสดงสินค้าในประเทศ อาทิ งาน Northeast Tech 2019หรืองานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดในอีสาน (31 ต.ค. – 3พ.ย.2562) จำนวน 40,000 คนนครราชสีมาและงาน Rice Expo 2019 หรืองานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 20(พ.ย. 62) ร้อยเอ็ด เป็นต้น

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages