“ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทย ท่องเที่ยวปลอดภัย เที่ยวได้ทุก Season”
พร้อมเร่งผลักดันยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Tourism Hub
บ่ายวันนี้ ( 14 มิถุนายน 2567) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมพร้อมมอบนโยบาย “ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทย ท่องเที่ยวปลอดภัย เที่ยวได้ทุก Season” ณ โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park ร่วมด้วย นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำเสนอแนวทางขับเคลื่อน Ignite Thailand’s Tourism จุดพลังการท่องเที่ยวไทย เตรียมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังปี 2567 พร้อมเสริม การดูแลรักษาความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งโอกาสเดียวกันนี้ นายพลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรี นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี และนางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรี ให้เกียรติเข้าร่วมงาน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ Tourism Hub
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้แสดงสัญญาณดีขึ้น โดยตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 15 ล้านคน สร้างรายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยเที่ยวไทยแล้วกว่า 1.1 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 21.7 ล้านคน และสร้างรายได้อีก 2.4 ล้านล้านบาท แม้ในช่วง low season ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน ที่จำนวนของนักท่องเที่ยวมักจะลดลง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายท้าทายที่รัฐบาลได้กำหนดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 36.7 ล้านคน
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้กำหนดมาตรการเร่งด่วน ด้วยการกระตุ้นตลาดต่างประเทศผ่านการมอบสิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวและส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวก สร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมการอบรมสัมมนาข้ามจังหวัดและภูมิภาค ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยว ด้วยการเสริมอัตรากำลังตำรวจท่องเที่ยวและสร้างความร่วมมือกับชุมชน นอกจากนี้จะผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็งมากขึ้นด้วย 5 กลยุทธ์ภายใต้นโยบาย Ignite Thailand’s Tourism เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Tourism Hub และดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการเพิ่มศักยภาพจังหวัดท่องเที่ยว 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว ให้ประเทศไทย “เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวได้ทุก Season” รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All การจัดงาน Festival & Sports Tourism ความปลอดภัยในการท่องเที่ยว การบุกตลาดเชิงรุก เจาะกลุ่ม Rising Stars และการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักสู่ 55 เมืองน่าเที่ยว โดยจะมุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมประสานการดำเนินการของทุกภาคีทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของการท่องเที่ยวไทย สู่การเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโลก” โดยได้เตรียมแผนปฏิบัติการ Ignite Thailand’s Tourism ซึ่งประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาภายใต้ 5 กลยุทธ์ โดยภายในปี 2567 จะมุ่งเน้นใน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) การสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าว ด้วยการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ประชาสัมพันธ์ข้อมูล สร้างภาพลักษณ์และสร้างประสบการณ์ที่ดี ตลอดจนยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย 2) 5 Must Do in Thailand ส่งเสริม 5 Must Do in Thailand และพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน 3) เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว บูรณาการหน่วยงานภายในจังหวัดขับเคลื่อนการท่องเที่ยว พัฒนากิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวด้วยการสร้างเรื่องราวเชื่อมโยง ยกระดับมาตรฐานที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และในปีงบประมาณ 2568/2569 จะเน้นเรื่อง Hub of ASEAN ด้วยการสนับสนุนการเชื่อมโยงเส้นทางให้เป็น Single Destination และยกระดับความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในส่วนของ World Class Event Hub จะผลักดันเทศกาลประเพณีท้องถิ่นไทยสู่สากล สนับสนุนการจัดงาน Event ระดับโลก ตลอดจนเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพเมืองเพื่อรองรับการจัด Event ระดับโลก
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. พร้อมรับนโยบายของรัฐบาล และเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย โดยวางแนวทางการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2567 สำหรับตลาดในประเทศจะสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยว 5 ภูมิภาคด้วยการเปิดตัวเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด ชูคอนเซปต์เสน่ห์ไทยและ 5 Must Do in Thailand ผ่านแคมเปญการสื่อสารสุขทันทีที่เที่ยวไทย สำหรับตลาดต่างประเทศ สื่อสารด้วยคอนเซปต์ Amazing Thailand, Your Stories Never End โดยตลาดระยะไกล เน้นเพิ่มเที่ยวบิน Direct Flight ตลอดจนกระตุ้นการขาย Schedule และ Charter Flight กระตุ้นการขายช่วง Off Peak Season และ Winter Holidays กระตุ้นการเดินทางและเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ขยายวันพัก ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการทำธุรกิจ ( Ease of Travelling & Ease of Doing Business) ขณะที่ตลาดระยะใกล้เน้นส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว เพิ่มเที่ยวบิน/เส้นทางบิน กระตุ้นการเดินทางร่วมกับสายการบิน เน้นกลุ่มศักยภาพ ให้เพิ่มความถี่ในการเดินทาง เพิ่มการใช้จ่าย รวมถึงปรับภาพลักษณ์ประเทศไทย กระตุ้นกลุ่ม Young Gen และ First Visit นอกจากนี้จะกระตุ้นตลาดด้วยบิ๊กอีเวนต์ทั่วประเทศ ซึ่งในครึ่งปีหลังได้เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลต่าง ๆ ในทุกเดือน อาทิ Amazing Food Festival 2024, ศรัทธา, VIJIT 5 ภาค, AMAZING MUAY THAI EXPERIENCE, Amazing Beach Life Festival และ Amazing Music Festival รวมถึงสนับสนุนการจัดกิจกรรม เทศกาลและประเพณีต่าง ๆ ทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว เพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศทางการท่องเที่ยว โดยได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาลในการขยายการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง การสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว การอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งในเรื่องการคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงการยกระดับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และความปลอดภัย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมการดำเนินงานของ ททท. ให้บรรลุเป้าหมาย
พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับนโยบายของรัฐบาล เร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกมิติ โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระสำคัญคือ การอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ผ่านการเพิ่มมาตรการเชิงรุกในการตรวจตรา ป้องกันการหลอกหลวงในแหล่งท่องเที่ยว ผ่านศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว (Command and Control Operation Center : CCOC) และศูนย์ Call Center บริการสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเร่งปราบปรามการเอารัดเอาเปรียบและฝ่าฝืน พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว และเพิ่มการตรวจสอบเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ทั้งการพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับศูนย์รับแจ้งเหตุอื่นๆ อย่างครบวงจร และใช้เทคโนโลยี AI Face Recognition ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเริ่มนำร่องไปแล้วใน 6 พื้นที่ ได้แก่ ถนนข้าวสาร กทม. ถนนคนเดินพัทยา จ.ชลบุรี ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น ย่านประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ถนนคนเดินบางลา จ.ภูเก็ต และตลาดโต้รุ่งหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment