ถ้าจะหาคำไหนมาเปรียบเปรยความเดือดของงานในช่วงปลายปีละก็ คงไม่มีคำไหนเหมาะไปกว่าการบอกว่า “ถนนทุกสายมุ่งสู่ไตรมาส 4” ไม่ว่างานเล็ก งานใหญ่ งานรูทีน หรืองานเซอร์ไพรส์ปุ๊บปั๊บรับโชค ทั้งหมดต้องมากองรวมกันอยู่ในช่วงนี้โดยมิได้นัดหมาย แถมยังเป็นช่วงชี้ชะตากับโบนัสปลายปีอีกต่างหาก หรือสำหรับนักศึกษาที่เพิ่งเปิดเทอมมาหมาดๆ ก็เผชิญชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเรียนออนไลน์ ควิซย่อยหรือสอบใหญ่ เชื่อว่าทุกคนต้องไม่ยอมให้ performance และผลการเรียนตกแน่ และหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยกับชีวิต remote working และ remote learning ตอนนี้ (และน่าจะอีกยาวๆ) ก็คือแล็ปท็อปคู่ใจที่เป็นทุกอย่างให้เราแล้ว วันนี้เราเลยขอแนะนำจุดสังเกตต่างๆ ไว้เป็นเกณฑ์ในใจให้ไปเลือกแล็ปท็อปเครื่องใหม่แสนคุ้มไว้ลุยงานรับปลายปี แบบที่เครื่องเดียวครบจบด้วยงบไม่ถึง 18,000 บาท ลองไปดูกันเลย
1.ใช้งานหน้าจอได้ทุกพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปั่นงานโหดไม่เสียสายตา การันตีด้วยมาตรฐานระดับโลก
เชื่อได้เลยว่า สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักตัดสินใจก่อนจะไปเลือกสเปกอื่นๆ ของแล็ปท็อป ก็คือดูว่าเราชอบใช้งานหน้าจอขนาดเท่าไหร่ เพราะประเด็นนี้จะไปเกี่ยวพันกับคุณสมบัติอีกหลายประการ เช่น น้ำหนัก ความสะดวกในการพกพา และลักษณะการใช้งาน ซึ่งขนาดที่กำลังดีเพราะไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปก็คือหน้าจอขนาด 14 นิ้ว โดยควรจะใช้งานทุกพื้นที่บนหน้าจอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นก็มาจากการออกแบบให้ขอบจอบางเป็นพิเศษนั่นเอง นอกจากนี้ ยังควรดูให้ละเอียดลงไปถึงการรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งคอบ่าไหล่และสายตา เพราะในหนึ่งวันเราต้องอยู่หน้าแล็ปท็อปกันยาวๆ
และแล็ปท็อปรุ่นหนึ่งที่โดดเด่นเตะตาในปีที่ผ่านมาก็คือ HUAWEI MateBook D 14 ที่มาพร้อมขอบจอบางเป็นพิเศษ 4.8 มม. เพราะออกแบบให้กล้องความละเอียด 1MP ไปซ่อนอยู่บนแป้นคีย์บอร์ด จึงได้หน้าจอขนาด 14 นิ้วแบบ HUAWEI FullView Display ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแล็ปท็อปหัวเว่ย ใช้งานพื้นที่บนหน้าจอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 84% แถมรับรองด้วยมาตรฐานระดับโลกจาก TÜV Rheinland ว่าสามารถลดแสงสีฟ้าและลดการกะพริบของหน้าจอได้ ถนอมสายตาได้เป็นอย่างดี
2. ดีไซน์เฉียบ ใช้สะดวก ทนไม้ทนมือเหมาะกับคนใช้งานคอมฯ หนักๆ
ดีไซน์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ดูสวยดูดีเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงความใส่ใจและความละเอียดในศาสตร์แห่งการออกแบบ เพราะแล็ปท็อปที่ดีไม่ใช่แล็ปท็อปที่มี แต่ควรเป็นแล็ปท็อปที่เข้ากันได้ดีกับลักษณะการใช้งานของเรามากที่สุด ยิ่งถ้าต้องปั่นงานหนักๆ ต้องพกคอมฯ ไม่ห่างมือ จะทำงานมุมไหนของบ้าน หรือจำเป็นต้องหอบหิ้วออกไปทำงานออนไซต์ข้างนอก ดีไซน์และความทนทานนั้นก็มีความสำคัญมากๆ ดังนั้นจึงต้องดูการออกแบบให้ครอบคลุมการใช้งาน ควรเลือกที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมเพื่อให้ได้บอดี้โลหะที่บางและน้ำหนักเบา แถมทนทาน ไม่เป็นรอยขีดข่วนหรือเกิดตำหนิได้ง่ายๆ รวมถึงเลือกตรงรายละเอียดการออกแบบให้ใช้งานสะดวก รวดเร็ว ฉับไว สอดคล้องกับความเร็วของงานที่เพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ซึ่งในประเด็นนี้ก็ยังเห็นได้ว่า HUAWEI MateBook D 14 เป็นโมเดลที่ทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว บอดี้อลูมิเนียมทำให้ตัวแล็ปท็อปน้ำหนักแค่ 1.38 กก. และบางเพียง 15.9 มม. ประกอบกับจอขนาด 14 นิ้วทำให้พกพาง่าย ถนัดมือ และทนทานต่อการใช้งาน หน้าจอสามารถปรับกางได้สูงสุด 180 องศา เรียกได้ว่าแทบจะราบไปกับโต๊ะ แถมยังสะดวกและ
คล่องตัวสุดๆ กับไอเดียการใส่ Fingerprint Power Button หรือจุดสแกนนิ้วไว้ที่ปุ่มเปิด-ปิด ปลดล็อกใช้งานพร้อมเปิดเครื่องรวบตึงได้ในเวลาเดียวกัน ดีไซน์ปุ่มเดียวได้ทั้งความคล่องตัวและความปลอดภัย
3. ผู้ช่วยชั้นดี ทำงานสะดวก แชร์ไฟล์ ชอปปิง แช็ตกับเพื่อน ได้ทุกมิติผ่านอีโคซิสเต็มที่ไหลลื่น
อีโคซิสเต็มก็คือการที่แบรนด์หนึ่งๆ ออกผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท แต่ทุกดีไวซ์สามารถใช้งานร่วมกันและเชื่อมต่อถึงกันได้ เพื่อให้ผู้ใช้อย่างเราๆ ได้รับความสะดวก ดังนั้นการเลือกแล็ปท็อปแบรนด์ที่ทำทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มอนิเตอร์ และสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ด้วย ชีวิตเราก็จะยิ่งเหมือนได้ผู้ช่วยที่ทั้งฉลาดและรู้ใจ อะไรก็ง่ายไปหมด
แบรนด์ไอทีระดับโลกอย่างหัวเว่ยก็เน้นย้ำความสำคัญของอีโคซิสเต็มมาตลอด ดังจะเห็นได้จากฟีเจอร์ HUAWEI Share ที่ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 3.0 ซึ่งสามารถใช้งานได้บนแล็ปท็อปของหัวเว่ยรุ่นที่ใช้ PC Manager 11.0 ขึ้นไป โดยเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหัวเว่ย EMUI 11.0 ขึ้นไป จะสามารถแคสหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตขึ้นไปใช้งานบนแล็ปท็อปได้แบบเรียลไทม์ เปิดใช้แอปพลิเคชันต่างๆ บนมือถือได้พร้อมกัน 3 แอปฯ (โดยแสดงผลบนจอคอมฯ) ดังนั้นจะแชร์ไฟล์ไปมาระหว่างดีไวซ์ เปิดหน้าต่างแช็ตไปด้วย ชมคอนเทนต์บันเทิงไปด้วย หรือชอปปิงไปด้วย ก็ทำได้อย่างไหลลื่น จบบนหน้าจอเดียว
4. รองรับการใช้งานตั้งแต่ตื่นยันนอน ชาร์จสะดวกด้วยพอร์ตมาตรฐานสากล
ด้วยปริมาณงานที่รอเราอยู่ปลายปีนี้ เล็งเห็นได้ว่าอาจต้องเป็นช่วงพักเว้นจากคติ Work-Life Balance กันบ้าง เพราะมีสิทธิ์ต้องปั่นงานกันยาวๆ ตั้งแต่ตื่นยันนอน แล็ปท็อปที่จะมาทนการใช้งานของเราได้ก็ต้องสามารถใช้งานติดต่อกันได้โดยไม่งอแง เครื่องไม่ร้อน หรือรองรับการชาร์จเร็ว ไม่ใช่ว่าพกไปพกมาแล้วแบตฯ หมดจังหวะจะกดส่งงานพอดี กว่าจะชาร์จติดอีกทีก็เลยเดดไลน์มาแล้ว คราวนี้ละกระทบกันเป็นทอดๆ แน่
HUAWEI MateBook D 14 สามารถป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้นได้ เพราะนอกจากใส่เทคโนโลยี HUAWEI Shark Fin 2.0 ระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบคู่ ทำให้สามารถลดความร้อนของตัวเครื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ยืดระยะเวลาการใช้งานได้ตั้งแต่ตื่นยันนอน ปั่นงานด้วยโปรแกรมออฟฟิศทั่วไปได้นานสูงสุด 13 ชั่วโมง ดูซีรีส์เพลินๆ ที่ความ
ละเอียดสูงสุด 4K และยังดูได้นานสูงสุด 13.2 ชั่วโมงเมื่อปรับชมวิดีโอที่ความละเอียด 1080p รองรับการชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 65W เสียบปลั๊กทิ้งไว้ระหว่างอาบน้ำสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แบตฯ มาเพิ่มอีก 46% ไปนอนดูซีรีส์ต่อยาวๆ บนเตียงได้อีก แถมยังเลือกใช้พอร์ตชาร์จ Type-C ซึ่งนอกจากจะสะดวกเพราะเป็นพอร์ตเดียวกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยแล้ว ยังเป็นพอร์ตมาตรฐานสากลที่อุปกรณ์ไอทีอื่นๆ ล้วนใช้งานและกำลังจะหันมาใช้งานในเร็วๆ นี้ พกสายชาร์จแบบเดียวก็เกินพอ
หากวางใจให้ HUAWEI MateBook D 14 เป็นแล็ปท็อปคู่ใจเครื่องใหม่เพื่ออยู่เคียงข้างกันไปกับกองงานปลายปีนี้ ช่วงนี้กำลังเหมาะที่สุดเพราะเพิ่งเปิดพรีออเดอร์ HUAWEI MateBook D 14 รุ่นย่อยใหม่ 10th Gen Intel® Core™ i3 processor สี Mystic Silver ในราคาพิเศษ 17,990 บาท (จากราคาปกติ 19,990 บาท) พร้อมของสมนาคุณสุดคุ้ม ได้แก่ กระเป๋าเป้สะพายหลัง มูลค่า 1,090 บาท และลำโพง HUAWEI Mini Speaker มูลค่า 1,090 บาท ทั้งหมดมูลค่ารวม 2,180 บาท เมื่อพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ถึง 8 กันยายน 2564 เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ Shopee, Lazada และ HUAWEI Store โดย HUAWEI MateBook D 14 รุ่น 10th Gen Intel® Core™ i3 processor จะพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ Huawei Mobile TH และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่ หรือศึกษารายละเอียดเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติมที่นี่
เงื่อนไขการคุ้มครอง
บริการตรวจเช็คตัวเครื่องฟรีในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า หากพบปัญหาการใช้งานที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานของลูกค้า โดยต้องมีใบเสร็จของสินค้านั้นๆ เพื่อรับบริการ แต่หากไม่มีใบเสร็จ สามารถใช้ใบแจ้งหนี้ สำเนาใบแจ้งหนี้ หรือใบรับประกันสินค้าแทนได้ โดยระยะเวลาในการรับประกันสินค้าจะเปลี่ยนเป็น 90 วัน หลังจากวันที่ผลิต (ตรวจสอบได้จากหมายเลขผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์นั้นๆ)
หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
###
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
No comments:
Post a Comment