โรยัล เอ็นฟิลด์ เพิ่มสีสันใหม่ในรุ่น Hunter 350 และ Meteor 350 - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Sunday, June 2, 2024

โรยัล เอ็นฟิลด์ เพิ่มสีสันใหม่ในรุ่น Hunter 350 และ Meteor 350


 โรยัล เอ็นฟิลด์ เพิ่มสีสันใหม่ในรุ่น Hunter 350 และ Meteor 350

• Hunter 350 มาพร้อมสีสันใหม่ 2 เฉดสี คือ Dapper Orange และ Dapper Green เพิ่มความมีสไตล์และความสนุกสนานให้กับซีรี่ย์ Dapper

• ด้วยแรงบันดาลใจจากเฉดสีท้องฟ้า Meteor 350 ครูซเซอร์โฉมใหม่ มาพร้อมสีสันสุดเท่ในรุ่น Aurora ประกอบด้วยสีดำ น้ำเงิน และเขียว

• รุ่น Aurora มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดหรูหรา เพิ่มความคลาสสิคมากยิ่งขึ้น ด้วย ล้อซี่ลวด โดดเด่นด้วยชิ้นส่วนโครเมียม พร้อมสวิตช์คิวบ์อลูมิเนียมแบบใหม่ และระบบนำทาง Tripper


กรุงเทพ 27 พฤษภาคม 2567: Royal Enfield (โรยัล เอ็นฟิลด์) ผู้นำระดับโลกในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (250cc-750cc) มอบความสนุกให้กับเหล่าไรเดอร์ชาวไทยด้วยสีสันใหม่สุดโดดเด่นสำหรับ Hunter 350 และ Meteor 350 โดย Hunter 350 มาพร้อมสีสันใหม่ 2 เฉดสีสุดจี๊ด Dapper Orange และ Dapper Green เพิ่มความสดใสให้กับผู้ขับขี่ สำหรับ Meteor 350 มาพร้อมกับรุ่นใหม่ล่าสุด Aurora ซึ่งแบ่งเป็นเฉดสีดำ น้ำเงิน และเขียว ที่เพิ่มเติมจากรุ่น Fireball, Stellar และ Supernova ที่มีอยู่เดิม โดย Meteor 350 รุ่น Aurora มีราคาเริ่มต้นที่ 172,900 บาท ส่วน Hunter 350 สีใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 133,900 บาท


Meteor 350
 รุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับโฉมนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางไกลนอกเมือง เพื่อ สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติ รุ่น Aurora ใหม่นี้จะอยู่เหนือรุ่น Supernova ขึ้นไป โดดเด่นด้วยเฉดสีใหม่สุดเท่ ได้แก่ Aurora Blue, Aurora Green และ Aurora Black สะท้อนถึงธรรมชาติและคาแรคเตอร์ของรถครูซเซอร์ที่เน้นการขับขี่ง่าย รุ่น Aurora ใหม่นี้ มาพร้อมการผสมผสานที่ลงตัวขององค์ประกอบของความคลาสสิคเต็มรูปแบบ เช่น ล้อซี่ลวด ชิ้นส่วนโครเมียม อาทิ เครื่องยนต์ ท่อไอเสีย และอุปกรณ์ต่างๆ เบาะนั่งแบบ Touring สุดหรู ระบบนำทาง Tripper และมาพร้อมกับไฟหน้าใหม่แบบ LED และแผงสวิตช์แบบใหม่หรูหราขึ้น การมาของ Meteor 350 รุ่นใหม่นี้ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มองหารถครูซเซอร์เซอร์สไตล์คลาสสิค เรโทร ที่เน้น ‘ขับง่าย’ โดยเฉพาะจากจากโรยัล เอ็นฟิลด์


สำหรับ Hunter 350 ของโรยัล เอ็นฟิลด์ มอบการผสมผสานที่ลงตัวของสไตล์ สมรรถนะ และความอเนกประสงค์ กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมในกลุ่มขนาดกลางทั่วโลก Hunter 350 ขึ้นชื่อเรื่องรูปทรงการขับขี่ที่กระชับคล่องแคล่ว เหมาะสำหรับผู้ขับขี่รุ่นใหม่ กลุ่มคนรักมอเตอร์ไซค์ต่างให้การตอบรับอย่างดีงาม เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงตัวตนของผู้ขับขี่แห่งโลกมอเตอร์ไซค์

คุณ อนุจ ดัว - หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ โรยัล เอ็นฟีลด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Head of Business, Royal Enfield-APAC) กล่าวว่า "เมื่อเราพิจารณาถึงความสำเร็จอันของ Hunter 350 และ Meteor 350 ทั่วโลก สิ่งที่ชัดเจนคือ รถมอเตอร์ไซค์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักบิดและผู้หลงใหลมอเตอร์ไซค์ ทั้ง 2 รุ่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ชาวไทยได้อย่างลงตัว รถมอเตอร์ไซค์ของเรายังได้กลายเป็นเพื่อนคู่ใจให้กับนักเดินทาง และเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงชุมชนคนขี่รถมอเตอร์ไซค์และกลายเป็นพันธมิตรของเรา นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดนี้ เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุดให้กับเหล่าไบเกอร์ในประเทศไทย ด้วยความนิยมรถมอเตอร์ไซค์สไตล์เรโทรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สีสันและฟังค์ชั่นใหม่เหล่านี้ จะยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้ากลุ่มใหม่ของเราอย่างแน่นอน"


รุ่น Meteor 350 ของโรยัล เอ็นฟิลด์ ครองใจนักขี่รถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกด้วยการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น รถครุยเซอร์รุ่นนี้มอบความรู้สึกนุ่มนวล ควบคุมง่าย เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในเมืองที่ ไปจนถึงการออกทริปไกลๆ สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ นอกจากนี้ Meteor 350 ยกระดับมาตรฐานรถมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มขนาดกลางของโรยัล เอ็นฟิลด์ สร้างปรากฏการณ์ยอดขายทะลุ 300,000 คันทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางท่องเที่ยว ได้รับการยกย่องจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านรถมอเตอร์ไซค์ ให้เป็นรถครุยเซอร์พันธุ์แท้ วางจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศ และกวาดรางวัลมากมายระดับโลก


ในส่วนของ Hunter 350 รถมอเตอร์ไซค์สไตล์เรโทรสุดเท่ จากโรยัล เอ็นฟิลด์ ประสบความสำเร็จเหนือเป้าหมาย ด้วยยอดขายทะลุ 200,000 คัน ทั่วโลก ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น ความนิยมของ Hunter 350 ไม่เพียงสร้างยอดขายที่แข็งแกร่ง แต่ยังดึงดูดกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้าสู่แบรนด์โรยัล เอ็นฟิลด์ ช่วยกระจายกลุ่มชุมชนคนรักรถมอเตอร์ไซค์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตะลุยเส้นทางซอกแซกในเมืองใหญ่ การพักชิลตามย่านสุดฮิป หรือการขับขี่บนถนนโล่ง Hunter 350 คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยความคล่องตัวสูง ควบคุมง่าย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Hunter 350 ได้รับรางวัลระดับนานาชาติกว่า 20 รางวัล รวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง ‘Indian Motorcycle of the Year 2023’ และรางวัล ‘Best Modern Classic Lightweight Motorcycle’ ของประเทศไทยอีกด้วย

สัมผัสประสบการณ์การขับขี่กับ Hunter 350 และ Meteor 350 ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์โรยัล เอ็นฟิลด์ทั่วประเทศ

                                                        ###

เกี่ยวกับโรยัล เอ็นฟีลด์:

Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ได้สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สง่างามมีเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์อันล้ำค่ามาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras เมื่อปี 1955 นับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย สเน่ห์และความน่าสนใจของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ ไม่ซับซ้อน เข้าถึงได้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling

กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมของ Royal Enfield ได้แก่ Hunter 350, Classic 350, Meteor 350, New Super Meteor 650, Interceptor 650, Continental GT 650 รวมถึงมอเตอร์ไซค์แนวผจญภัย The All-New Himalayan, Scram 411 ADV Crossover และ Bullet 350 ซึ่งกลุ่มนักขับขี่ผู้หลงใหลในเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์และการตกแต่ง สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายได้ตลอดทั้งปี ที่มีทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ Motoverse หรือที่รู้จักในนาม Rider Mania ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลากหลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐโกอา ประเทศอินเดีย และยังมีงาน Himalayan Odyssey ซึ่งเป็นการเดินทางประจำปีบนภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด ผ่านภูเขาที่สูงที่สุด และสามารถสร้างความประทับใจได้มากที่สุดเช่นกัน

Royal Enfield คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 2,050 แห่ง ทั่วเมืองใหญ่ในอินเดีย รวมถึงมีการส่งออกไปสู่ 1,150 สโตร์ในอีกกว่า 60 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีโรงงานประกอบ CKD อันทันสมัย 5 แห่งทั่วโลก ได้แก่ เนปาล บราซิล ประเทศไทย อาร์เจนตินา และโคลัมเบีย และด้วยอัตรา CAGR เติบโตมากกว่า 35% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Royal Enfield นับเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับโลกอย่างแท้จริง

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages