ฮาร์ดไลน์สีเขียว ชูนวัตกรรม "ตาข่ายคลุมพาเลท และ
Extra Roll Cage" ทดแทนการใช้ฟิล์มพลาสติก หนุนแคมเปญ
"Love the Earth - Zero Waste"
กรุงเทพฯ 18 สิงหาคม 2568 – ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสานต่อภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมในแคมเปญ “Love the Earth – Zero Waste” ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล เพื่อก้าวสู่องค์กรที่มีระบบจัดการขยะครบวงจร ขับเคลื่อนภาคธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียนและคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น และปักหมุดหมายการลดขยะให้เป็นศูนย์ โดยล่าสุดได้ดำเนิน “โครงการจัดการบรรุภัณฑ์” พัฒนาตาข่ายคลุมสินค้า และ Extra Roll Cage มาใช้ในศูนย์กระจายสินค้า (DC) เพื่อลดการใช้ฟิล์มห่อหุ้มพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและลดการใช้พาเลท สามารถลดปริมาณการใช้ฟิล์มพลาสติกหุ้มได้มากถึง 10.54 ตันต่อปี พร้อมช่วยลดต้นทุน โลจิสติกส์รวมได้กว่า 20.4 ล้านบาทต่อปี และลดพื้นที่ในการขนส่งได้จากเดิมถึง 2 เท่า
นายธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ตอกย้ำบทบาทองค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนในมิติการลดปัญหาขยะพลาสติก และการยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านแคมเปญ Love the Earth – Zero Waste โดยได้ดำเนินโครงการจัดการบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของการจัดการพลังงาน บรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญของธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน รวมถึงการผลักดันการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการเกิดขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในกระบวนการตั้งแต่คลังสินค้าไปจนถึงหน้าร้าน
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์กระจายสินค้าไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ และบริษัทพันธมิตร ที่ร่วมกันพัฒนาและออกแบบโซลูชันลดการใช้ฟิล์มพลาสติกหุ้ม ด้วย “ตาข่ายคลุมพาเลทสินค้า” ที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง ใช้สำหรับคลุมสินค้าบนพาเลทโดยไม่ต้องใช้ฟิล์มพลาสติกหุ้มแบบเดิม สามารถลดการใช้ฟิล์มห่อพลาสติกได้กว่า 10.54 ตันต่อปี นอกจากนี้ ได้มีการออกแบบและผลิต“Extra Roll Cage” เพื่อใช้บรรจุสินค้าที่มีความยาวพิเศษ มีโครงสร้างแข็งแรง ช่วยลดการใช้ฟิล์มพลาสติกและป้องกันการโค่นล้มระหว่างขนส่ง อีกทั้งสามารถลดพื้นที่ในการขนส่งได้มากขึ้นถึง 2 เท่า และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้ถึง 20.4 ล้านบาทต่อปี ส่งผลเชิงบวกต่อกระบวนการจัดเก็บสินค้าในคลังและโลจิสติกส์ ในการช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ และลดการใช้พลังงานได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการต่อยอดความตั้งใจของไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ในการขับเคลื่อน Zero Waste ให้เกิดขึ้นได้จริง ตั้งแต่คลังสินค้าจนถึงปลายทางของทุกการส่งมอบถึงมือผู้บริโภค
“ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ยังมีการดำเนินกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมตลอดปี 2568 อย่างเป็นระบบ ภายใต้ธีม Love the Earth โดยครอบคลุมทั้งด้าน การส่งเสริมพลังงานสะอาด (Green Energy) การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน การพัฒนาอาคารตาม มาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) การรณรงค์ลดทิ้งขยะ ระบบกรีนโลจิสติกส์ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ CRC CRC Care – Care for the Environment ของเซ็นทรัล รีเทล ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เป้าหมายเชิงนโยบาย แต่คือแนวทางการทำงานของทุกภาคส่วนที่ต้องทำต่อเนื่องอย่างจริงจัง โดยไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกไทยให้เติบโตควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดไป” นายธนวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ได้ที่ www.thaiwatsadu.com, Line : @Thaiwatsadu , Facebook: Thai Watsadu และ BnB home: www.bnbhome.com , Line : @bnbhometh , Facebook: BnB home หรือโทร 1308
#####
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,822 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์ แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี / โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียน คิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ
No comments:
Post a Comment