สู่เวทีสาธารณสุขโลก ด้วยพลังแห่งการ ‘ให้’
จากมูลนิธิรามาธิบดีฯ สะพานบุญที่เริ่มต้นการรักษาเพื่อทุกคน”
จากจุดเริ่มต้นสู่ ‘ศูนย์กลางการรักษาผู้ป่วยซับซ้อน’ ระดับประเทศ
“ปัจจุบัน โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ให้บริการผู้ป่วยนอกปีละกว่า 2–2.5 ล้านครั้ง และผู้ป่วยในกว่า 60,000 ราย โดยมีค่าความซับซ้อนของโรค (Case Mix Index) เฉลี่ย 3.3 สูงที่สุดในประเทศไทย สะท้อนบทบาท “โรงพยาบาลปลายทาง” ที่รองรับผู้ป่วยที่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลทั่วไป”
60 ปีแห่งการให้ รามาธิบดีสร้างแพทย์–นวัตกรรมเพื่อชีวิต
ตลอด 60 ปี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ผลิตแพทย์กว่า 10,000 คน หรือราว 200 คนต่อปี รวมถึงแพทย์เฉพาะทางในสาขาสำคัญอย่างศัลยกรรมเปลี่ยนอวัยวะ โรคหัวใจ มะเร็ง และกุมารเวชศาสตร์ ส่งผลให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพการรักษาของไทยสู่ระดับนานาชาติ และผลงานวิจัยของคณาจารย์ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำทั่วโลก และถูกนำไปพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการรักษายังเป็นผู้นำด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยมีการปลูกถ่ายไตกว่า 3,000 ราย มากที่สุดในประเทศ และปลูกถ่ายไขกระดูกกว่า 2,000 ราย รวมถึงการผ่าตัดซับซ้อน เช่น การปลูกถ่ายหัวใจและปอดพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดและยีนบำบัด รักษาโรคทางพันธุกรรมอย่างธาลัสซีเมีย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และในอนาคตยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมการรักษาด้วยเซลล์และพันธุกรรม (ATMP) ผ่าน ศูนย์ CTMED ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อผลิตและเพาะเลี้ยงเซลล์ซึ่งใช้เป็น “อาวุธ” ในการรักษาโรค เช่น มะเร็ง และโรคทางพันธุกรรม โดยมีเป้าหมายคือการลดต้นทุนการรักษาให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงได้จริง
“พื้นที่แห่งความหวัง” กับการสร้างอนาคตทางการแพทย์ไทย
เพื่อบูรณาการศักยภาพของหน่วยงานด้านการแพทย์ สนับสนุนการศึกษา และขับเคลื่อนงานวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ จึงต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางข้อจำกัดของพื้นที่เดิมและอาคารหลักอายุเกิน 60 ปีที่ ภายใต้แนวคิด User-Centric Design ผสานเทคโนโลยี AI การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และงานวิจัยขั้นสูง เพื่อรองรับการรักษาในยุคดิจิทัล
บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ พื้นที่ใช้สอย 278,000 ตารางเมตร พร้อมระบบ Smart Hospital เพื่อการวินิจฉัยและรักษาแบบจำเพาะบุคคลอย่างแม่นยำ เสริมด้วยมาตรการความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งโครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือน เทคโนโลยีกักเก็บควันไฟ ระบบลิฟต์ลดความแออัดและการแพร่เชื้อ ตลอดจนแอปพลิเคชันแผนที่ภายในอาคาร เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
ทศวรรษที่ 7: ก้าวสู่ Medical Hub แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และความร่วมมือระดับนานาชาติ
“เมื่อก้าวสู่ปีที่ 60 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งสู่ทศวรรษที่ 7 ด้วยเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์รวมองค์ความรู้ระดับนานาชาติ ผ่านความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้และนวัตกรรมสู่มาตรฐานสากล ผลักดันไทยขึ้นเป็นผู้นำด้านการแพทย์ในอาเซียน ตัวอย่างเช่น โครงการปลูกถ่ายไตด้วยหุ่นยนต์ร่วมกับ Rangueil University Hospital ประเทศฝรั่งเศส ครั้งแรกในไทยและภูมิภาค ตอกย้ำศักยภาพด้านการผ่าตัดขั้นสูงและการถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรไทย”
“พร้อมกันนี้ คณะฯ ยังเสริมรากฐานการแพทย์ของประเทศด้วยหลักสูตร “แพทย์ไฮบริด” อาทิ หลักสูตร “แพทย์นวัตกรรม” ที่เรียนควบปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตและวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต เพื่อสร้างแพทย์ที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์และ AI เข้ากับการรักษา รองรับการแพทย์ยุคใหม่ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ และพร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่ ภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ” ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ กล่าวสรุป
สานต่อพันธกิจ “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด”
คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ ก่อตั้งจากวิสัยทัศน์ของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ดร.อารีย์ วัลยะเสวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็น “สะพานบุญ” เชื่อมความตั้งใจของผู้ให้กับความต้องการของผู้ป่วยยากไร้ ก่อนขยายบทบาทสู่การสนับสนุนการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง งานวิจัยขั้นสูง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ ภายใต้แนวคิด “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์ยั่งยืนทั้งด้านการรักษา การเรียนรู้ และการสร้างบุคลากร พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมการให้ในทุกช่วงวัย เพื่อให้การให้เพียงครั้งเดียวส่งต่อคุณค่าและผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง”
“ตลอด 60 ปี มูลนิธิมองการดูแลสุขภาพในมิติแบบองค์รวม (Ecosystem) และพร้อมสนับสนุนทุกภารกิจของคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อให้ระบบสุขภาพทำงานสอดประสานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญในขณะนี้คือ โครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” พื้นที่แห่งความหวังสำหรับผู้ป่วยและสังคมไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์อัจฉริยะครบวงจร ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยกับการดูแลที่เข้าถึงได้ทั่วถึง เสริมศักยภาพการแพทย์ของประเทศสู่มาตรฐานสากล และยังต้องการการระดมทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ปี
ขับเคลื่อน ‘การให้’ ยุคดิจิทัล สู่เครือข่าย ‘ผู้ให้รุ่นใหม่’ ด้วยหัวใจ
ปีที่ผ่านมามูลนิธิเผชิญหลายเหตุการณ์ทั้งไฟไหม้และแผ่นดินไหว วิกฤตเหล่านี้ได้ปลุกพลังน้ำใจให้คนไทยร่วมแรงช่วยเหลือ ส่งผลให้มีผู้บริจาครายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% สะท้อนถึงพลังการให้ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางในยุคดิจิทัล อีกทั้งยังพบว่าคนไทยนิยม การให้แบบต่อเนื่องมากกว่าครั้งเดียว มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงพัฒนาช่องทางที่ทันสมัยและเข้าถึงง่าย ทั้ง LINE Official, Facebook, TikTok และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ทำให้กว่า 60% ของการบริจาคมาจากผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยตรง ขณะเดียวกัน ผู้บริจาค Gen Z เติบโตขึ้นกว่า 10% สะท้อนถึงการเข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน พร้อมเปิดรับความร่วมมือจากพันธมิตร สื่อมวลชน ศิลปิน ดารา และแฟนคลับ เพื่อขยายพลังแห่งการให้ ถึงแม้เทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือหลัก แต่มูลนิธิยังยึดหลัก “Human Touch” ในการสื่อสารอย่างอบอุ่น จริงใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด และแสดงความขอบคุณในทุกระดับ เพื่อให้ผู้ให้ทุกคนรู้สึกถึงคุณค่าของการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งแนวทางในการสานต่อพลังแห่งการให้ คือการสร้างสรรค์ “ของที่ระลึกการกุศล” ที่ทันสมัยและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเริ่มต้นแนวคิดมาตั้งแต่ปี 2554 และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ของดี มีคุณภาพ สวยงาม เหมาะเป็นของขวัญที่มีความหมายส่งต่อให้คนที่รักในหลายโอกาส พร้อมความสุขใจจากการได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และสนับสนุนการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้าไปพร้อมกัน
ก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืนด้วย “ธรรมาภิบาล” และ “ความโปร่งใส”
“ความยั่งยืนเกิดจากธรรมาภิบาลที่ดี มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยึดหลักโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน เพื่อให้เงินทุกบาทจากผู้บริจาคเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วยและระบบสาธารณสุขไทย ควบคู่กับการสร้างวัฒนธรรมแห่งการให้ให้หยั่งรากลึกในสังคม ส่งต่อแรงบันดาลใจให้ทุกคนเห็นคุณค่าของการแบ่งปัน ทั้งในรูปแบบ ‘ความสุขทันใจ’ จากการช่วยเหลือทันที และความสุขที่ยั่งยืนจากการเห็นชีวิตผู้คนดีขึ้นในระยะยาว พร้อมสื่อสารอย่างชัดเจนว่าเงินบริจาคถูกนำไปใช้อย่างไรและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ตั้งแต่การรักษาผู้ป่วย จัดหาเครื่องมือแพทย์ ไปจนถึงการสร้างองค์ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ พร้อมยืนยันการใช้เงินอย่างคุ้มค่าและมีการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะก้าวสู่ ‘ศูนย์กลางแห่งการให้’ ที่ทุกคนเข้าถึง สัมผัส และมีส่วนร่วมได้ เพื่อส่งต่อพลังของ ‘คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด’ ให้ขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่มั่นคงและงดงาม” คุณพรรณสิรี กล่าวทิ้งท้าย
ในทศวรรษที่ 7 นี้ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิรามาธิบดีฯ พร้อมที่จะเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้วยพลังแห่งนวัตกรรม ความรู้ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน บนความเชื่อว่าการให้ไม่เพียงสร้างรอยยิ้มและความสุขในวันนี้ แต่ยังหล่อเลี้ยงสุขภาพที่งอกงามเป็น “ความสุขยั่งยืนสำหรับทุกคน” ในวันข้างหน้า ทุกน้ำใจที่หลอมรวมกันจะกลายเป็นโอกาสในการรักษา คุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม และความหวังที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยเชื่อมั่นว่าพลังแห่ง “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” จะส่องแสงนำทางสังคมไทยสู่อนาคตที่มั่นคง งดงาม และเปี่ยมคุณค่า
#คำว่าให้ไม่สิ้นสุด
No comments:
Post a Comment