‘คาร์ไบโอส์’ ยืนยันความเป็นไปได้ในการนำ PET ที่ได้จากการรีไซเคิลไปใช้งานทุกรูปแบบ
ตั้งแต่การผลิตขวดไปจนถึงเส้นใยเสื้อผ้าและเส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษ (Technical Fibres)
ผลการทดสอบของมิชลินซึ่งรับรองเทคโนโลยีของ ‘คาร์ไบโอส์’
ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนายางล้อที่ยั่งยืน 100%
แกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส, เมษายน 2564 – ‘มิชลิน’ ผู้นำด้านการสัญจรอย่างยั่งยืน ร่วมกับ ‘คาร์ไบโอส์’ [จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Growth Paris โดยใช้ชื่อย่อ ALCRB] บริษัทผู้บุกเบิกโซลูชั่นอุตสาหกรรมชีวภาพใหม่ๆ เพื่อพลิกฟื้นวงจรชีวิตใหม่ให้กับโพลีเมอร์พลาสติกและโพลีเมอร์สิ่งทอ ผนึกกำลังรุกก้าวสู่การพัฒนายางล้อที่ยั่งยืน 100% โดยล่าสุด มิชลินประสบความสำเร็จในการทดสอบและนำกระบวนการรีไซเคิลขยะพลาสติกประเภท PET ด้วยเอนไซม์ของคาร์ไบโอส์ มาใช้ผลิตเส้นใยที่ทนต่อแรงดึงสูงสำหรับเสริมความแข็งแกร่งให้กับยางล้อ (High-Tenacity Tyre Fibres) ตามข้อกำหนดด้านเทคนิคของมิชลิน
กระบวนการรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ของคาร์ไบโอส์ ใช้เอนไซม์ที่สามารถทำให้โพลิเมอร์ของ PET ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์พลาสติกและสิ่งทอ (อาทิ ขวด ถาด ผ้าใยโพลีเอสเตอร์ ฯลฯ) แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ นวัตกรรมนี้ช่วยให้สามารถนำขยะพลาสติกประเภท PET ทุกประเภทมารีไซเคิลซ้ำได้ไม่สิ้นสุด ทั้งยังช่วยให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภท PET จากการรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณภาพเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจาก PET บริสุทธ์
การรีไซเคิล PET ด้วยเอนไซม์เพื่อนำมาใช้ในยางรถยนต์ครั้งแรกของโลก
การนำพลาสติกที่ซับซ้อน (Complex Plastics) มาผ่านกระบวนการรีไซเคิลด้วยความร้อนเชิงกล (Thermomechanical Recycling) แบบดั้งเดิมไม่ทำให้ได้ PET ประสิทธิภาพสูง ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งานในระบบนิวเมติกส์ (Pneumatic) แต่โมโนเมอร์ที่ได้จากกระบวนการรีไซเคิลขยะพลาสติกชนิดสีและทึบแสง อาทิ ขวด ของคาร์ไบโอส์ เมื่อผ่านการแปรสภาพกลับมาเป็น PET สามารถนำมาผลิตเป็นเส้นใยที่ทนต่อแรงดึงสูงตามข้อกำหนดในการผลิตยางล้อของมิชลิน
เมื่อผ่านการแปรรูปเป็นเส้นใยด้วยเครื่องต้นแบบเดียวกัน เส้นใยคุณสมบัติพิเศษซึ่งได้จากกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าวมีคุณภาพไม่ต่างจากเส้นใยที่ผลิตจาก PET บริสุทธิ์ โดยเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ทนต่อแรงดึงสูงนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในการผลิตยางล้อ เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านทานการปริแตก แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพทางความร้อน
นิโคลัส ซีโบธ (Nicolas Seeboth) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยโพลีเมอร์ของมิชลิน เปิดเผยว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ประสบความสำเร็จในการผลิตและทดสอบเส้นใยคุณสมบัติพิเศษที่ได้จากการรีไซเคิลเพื่อนำมาใช้ในการผลิตยางล้อเป็นรายแรก เส้นใยเสริมความแข็งแกร่งดังกล่าวผลิตจากขวดพลาสติกชนิดสีที่นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ ‘คาร์ไบโอส์’ พันธมิตรของเรา โดยเส้นใยเสริมความแข็งแกร่งไฮเทคเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพไม่ต่างจากเส้นใยที่ผลิตจากอุตสาหกรรมน้ำมันเลย”
กระบวนการรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ของคาร์ไบโอส์ ไม่เพียงช่วยให้มิชลินเข้าใกล้เป้าหมายด้านความยั่งยืนยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ยางล้อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ มิชลินตั้งเป้าที่จะผลิตยางล้อโดยใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน (จากทรัพยากรหมุนเวียนหรือรีไซเคิล) ให้ได้ในสัดส่วน 40% ภายในปี 2573 และ 100% ภายในปี 2593
กระบวนการรีไซเคิลของ ‘คาร์ไบโอส์’ ได้รับการยืนยันว่ามีศักยภาพที่ดี
ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในฐานะนวัตกรรมครั้งแรกในภาคอุตสาหกรรมยางล้อของโลก ทั้งยังยืนยันให้เห็นว่ากระบวนการรีไซเคิลของคาร์ไบโอส์ มีศักยภาพที่จะนำภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านอย่างมีความรับผิดชอบไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนอย่างยั่งยืนได้
ยอดจำหน่ายยางรถยนต์ทั่วโลกในแต่ละปีอยู่ที่ 1.6 พันล้านเส้น (ยอดรวมของผู้ผลิตยางล้อทุกค่าย) โดยเส้นใย PET ที่ใช้ในการผลิตยางล้อเหล่านี้คิดเป็นปริมาณ PET 800,000 ตันต่อปี
ในกรณีของมิชลิน ปริมาณเส้นใยคุณสมบัติพิเศษซึ่งได้จากการรีไซเคิลเพื่อนำมาใช้ผลิตยางของมิชลิน เทียบได้กับปริมาณขวดพลาสติกราว 3 พันล้านขวดต่อปี
อแลง มาร์ตี้ (Alain Marty) หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของคาร์ไบโอส์ กล่าวว่า “เมื่อปี 2562 คาร์ไบโอส์ ได้ประกาศความสำเร็จในการผลิตขวดพลาสติกประเภท PET จากกรดเทเรฟธาลิกบริสุทธ์ (rPTA) 100% เป็นครั้งแรก ซึ่งกรดดังกล่าวได้จากการนำขยะพลาสติกประเภท PET ที่ใช้งานแล้วมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ ในวันนี้เราก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้น โดยได้ร่วมกับมิชลินแสดงให้เห็นศักยภาพของกระบวนการรีไซเคิลขยะพลาสติก PET ด้วยวิธีนี้ ซึ่งทำให้ได้ PET ที่เหมาะสำหรับใช้ผลิตเส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษขั้นสูง อาทิ เส้นใยที่ใช้ในการผลิตยางมิชลิน”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เกี่ยวกับ ‘คาร์ไบโอส์’
คาร์ไบโอส์ บริษัทด้านเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นผู้พัฒนานวัตกรรมกระบวนการทางชีววิทยาเพื่อปฏิวัติการสิ้นอายุของพลาสติกและสิ่งทอ เทคโนโลยีที่โดดเด่นของคาร์ไบโอส์ ซึ่งผสานเอนไซม์และพลาสติกเข้าด้วยกัน มุ่งตอบสนองความคาดหวังใหม่ๆ ของผู้บริโภค และรับมือกับปัญหาท้าทายเรื่องมลพิษจากพลาสติกและสิ่งทอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในวงกว้าง
คาร์ไบโอส์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 โดย ‘ทรัฟเฟิล แคปิตัล’ (Truffle Capital) เพื่อนำเสนอโซลูชั่นทางอุตสาหกรรมสำหรับการรีไซเคิลพลาสติกและสิ่งทอประเภท PET (ซึ่งเป็นโพลิเมอร์หลักที่ใช้ในการผลิตขวด ถาด และสิ่งทอเส้นใยโพลีเอสเตอร์) เทคโนโลยีรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยคาร์ไบโอส์ จะแยกโครงสร้างขยะพลาสติกประเภท PET ให้คืนสภาพกลับไปอยู่ในรูปองค์ประกอบตั้งต้น ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ผลิตพลาสติก PET ซ้ำใหม่ได้อีกโดยมีคุณภาพเช่นเดียวกับที่ผลิตด้วย PET บริสุทธิ์ นวัตกรรม PET ดังกล่าวซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลก และได้รับการยกย่องในรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Nature อันทรงเกียรติ นอกจากนี้ คาร์ไบโอส์ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ข้ามชาติหลากหลายแบรนด์ อาทิ ลอรีอัล (L’Oréal), เนสท์เล่ วอเตอร์ส (Nestlé Waters), เป๊ปซี่โค (PepsiCo) และ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ยุโรป (Suntory Beverage & Food Europe) เพื่อนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้งานอย่างแพร่หลายและเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนอย่างแท้จริง
คาร์ไบโอส์ได้พัฒนาเทคโนโลยีการย่อยสลายทางชีวภาพด้วยเอนไซม์ (Enzymatic Biodegradation Technology) สำหรับใช้กับพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งซึ่งทำจากโพลีเมอร์ที่ผลิตจากชีวมวล (PLA-Based, Single-Use Plastics) เทคโนโลยีนี้สามารถผลิตพลาสติกรุ่นใหม่ที่ย่อยสลายได้ 100% ในครัวเรือน โดยมีเอนไซม์เป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ ผู้ได้รับใบอนุญาติสำหรับนวัตกรรมดังกล่าว คือ ‘คาร์ไบโอลิซ’ (Carbiolice) บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 โดยมี ‘คาร์ไบโอส์’ เป็นผู้ถือหุ้นหลักร่วมกับกองทุน ‘เอสพีไอ’ (SPI Fund) ที่บริหารจัดการโดย ‘บีพีไอฟรานซ์’ (Bpifrance)
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://carbios.com/en/
ทวิตเตอร์: Carbiosลิงก์อิน: Carbiosอินสตาแกรม: carbioshq
คาร์ไบโอส์ (ISIN FR0011648716/ALCRB) มีสิทธิ์เข้าร่วม PEA-PME ซึ่งเป็นโครงการภาครัฐที่อนุญาตให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ในฝรั่งเศสสามารถลงทุนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการคืนภาษีรายได้บุคคลธรรมดา
เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 123,600 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 71 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 170 ล้านเส้นในปี 2563 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th
No comments:
Post a Comment