THE ECONOMIC FORUM 2025 : เปิดฉาก THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ไทยพร้อมหรือยังกับพรมแดนใหม่เศรษฐกิจโลก? - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, November 13, 2025

THE ECONOMIC FORUM 2025 : เปิดฉาก THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ไทยพร้อมหรือยังกับพรมแดนใหม่เศรษฐกิจโลก?


THE ECONOMIC FORUM 2025 : เปิดฉาก
THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025
ไทยพร้อมหรือยังกับพรมแดนใหม่เศรษฐกิจโลก?

TECONOMIC FORUM 2025 กลับมาอีกครั้งในปีที่ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนรอยต่อสำคัญ ของการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด ‘Thailand’s Next Frontier: พรมแดนใหม่เศรษฐกิจไทย’ เวทีปีนี้มุ่งหาคำตอบว่าเศรษฐกิจไทยจะก้าวข้ามพรมแดนเดิมได้อย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันระดับโลกและความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

ปีนี้งานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ Paragon Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ตลอด 3 วัน 4 เวที กับ 100 สปีกเกอร์ชื่อดังจากทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะมาร่วมกันตั้งโจทย์ ถกทางออก และวางแผนลงมือทำ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่พรมแดนเศรษฐกิจใหม่อย่างแท้จริง

ด้วยเวทีถกโจทย์ใหญ่ ว่าด้วยอนาคตเศรษฐกิจไทยในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งผู้นำภาครัฐ และภาคเอกชน มาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมอง


นายกฯ อนุทิน ย้ำจุดยืนไทย


วันแรกของงาน (5 พฤศจิกายน 2568) เริ่มต้นเวทีด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลมีกรอบเวลาปฏิบัติหน้าที่ 4 เดือน จึงเน้นนโยบายแบบ Quick Win หรือ มาตรการเร่งด่วนที่เห็นผลเร็ว เช่น นโยบายคนละครึ่งพลัส และการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ควบคู่ไปกับการพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความมั่นคงทางชายแดน พร้อมยืนยันจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 อย่างแน่นอน และจะไม่ใช้เหตุการณ์ใดๆ รวมถึงเกมการเมืองอย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาเป็นข้ออ้างในการเลื่อนกำหนดการยุบสภา

ส่วน ปัญหาความมั่นคงชายแดน รัฐบาลจะใช้แนวทางสันติภาพเชิงรุก คือ เน้นเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และลดผลกระทบต่อชีวิตประชาชนในพื้นที่ โดยยืนยันว่าไม่มีการเสียอธิปไตยหรือดินแดน

ในมิติภูมิรัฐศาสตร์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จุดยืนว่าไทยต้องเลือกข้างตัวเองหรือ Thailand First แต่พยายามรักษาสมดุลวางตัวเป็น พาร์ตเนอร์ หรือคู่ค้า กับมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และจีน


• โอกาสต่อไปของไทย-จีน


ต่อจากนั้น ฯพณฯ จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถา ในหัวข้อ ‘จีนเปิดกว้างเพื่อความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับไทย : An Open China for the Promising Mutual Beneficial Cooperation with Thailand’ โดยแสดงความยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมไทยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของทั้งสองประเทศ

เขาชี้ว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่อง 12 ปี และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40%

โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและไทยมีมูลค่าสูงถึง 114.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่จีนเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของไทย โดยมีการลงทุนมากกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปีนี้ และการลงทุนขยายจากการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่อุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย ขณะที่ไทยและจีนยังเป็นหุ้นส่วนที่ดีและสร้างสรรค์ ในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วย โดยทั้งสองฝ่ายได้เสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์และส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในโครงการสำคัญต่างๆ

“จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรสหายที่ดี ญาติที่ดีและหุ้นส่วนที่ดี มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างสม่ำเสมอและใกล้ชิดกันดุจญาติมิตร

• 5 เสาหลักพาไทยเติบโตสู่ประเทศรายได้สูง


หนึ่งในไฮไลต์ของวันแรกในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 คือการบรรยายของ Melinda Good ผู้อำนวยการธนาคารโลก (World Bank) ประจำประเทศไทยและเมียนมา ในหัวข้อ Building Thailand’s Future Today: 5 Industries of the Future 5 เสาหลักพาไทยเติบโตสู่ประเทศรายได้สูงฉบับ World Bank

ที่มาฉายภาพพรมแดนใหม่ทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมวางโรดแมป 5 ภาคเศรษฐกิจหลัก เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม IMF–World Bank Annual Meetings 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี

Melinda ระบุว่า ไทยต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เท่าทันคลื่นใหญ่ของโลก ทั้งเทคโนโลยี การค้า และภูมิอากาศ โดยธนาคารโลกเสนอ 5 อุตสาหกรรมอนาคตที่จะขับเคลื่อนประเทศ ได้แก่

1. Green & Advanced Manufacturing เพื่อยกระดับการผลิตคาร์บอนต่ำและอุตสาหกรรม EV

2. Digital & Creative Economy ที่เน้นสร้าง Digital Backbone และพัฒนาแรงงานดิจิทัล

3. Agri-Food Transformation ที่ยกระดับเกษตรไทยสู่มาตรฐานโลกด้วย Smart Farming และ Brand Thailand

4. Sustainable Tourism & Wellness เพื่อเปลี่ยนจากปริมาณนักท่องเที่ยวสู่ คุณภาพและความยั่งยืน

5. Workforce for the Future ที่เร่งปั้นแรงงานยุคใหม่ สาย AI,EV, Solar ตลอดจนสาย Wellness อาหาร และภาพยนตร์

ธนาคารโลกมองว่า ไทยมีศักยภาพโดดเด่นในหลายด้าน ทั้งฐานการผลิตที่แข็งแรง วัฒนธรรมสร้างสรรค์ และความสามารถทางเทคโนโลยี แต่ยังขาดตัวเชื่อมระหว่างภาคเศรษฐกิจ นโยบาย และทักษะคน Melinda จึงเสนอให้รัฐบาลลงทุนเร่งด่วนในพลังงานสะอาด การวิจัยและพัฒนา (R&D) การฝึกอบรมแรงงานด้วยหลักสูตรสั้นที่ให้ใบรับรองเฉพาะทักษะ (Micro-Credentials) และสร้างเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อให้เห็นผลเร็ว ต่อยอดได้ในระยะยาว

• BOI เปิดแผนดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ สร้าง 5 อุตสาหกรรมอนาคต พาไทยสู่ฐานการผลิตโลก

ในช่วงบ่าย เวที Investment in Next Frontier ชี้ทิศทางใหม่ของการลงทุนในยุคที่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยน นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ขึ้นบรรยายถึงการแข่งขันทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน เทคโนโลยีปั่นป่วน (Disruptive Tech) รวมถึงแรงกดดันด้านความยั่งยืน สถานการณ์นี้ทำให้ FDI โลกในปี 2024 ลดลง 11% แต่ FDI ในอาเซียนกลับเพิ่มขึ้น 8% มูลค่ารวมกว่า 226,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของการกระจายการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์ China+1

ด้วยจุดแข็งทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานสะอาด แรงงานทักษะสูง และความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการผลิตสมัยใหม่ได้ ซึ่งขณะนี้มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศแล้วกว่า 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 94% ภายในสามปีที่ผ่านมา

นฤตม์ เผยว่า แนวโน้มการลงทุนใหม่ของโลกจะมุ่งสู่อุตสาหกรรมอนาคต (New Industries) โดย BOI ได้กำหนด 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ไทยจะใช้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจ ได้แก่

1. Digital และ AI

2. Semiconductors และ Advanced Electronics

3. Modern Automobiles

4. Clean Energy

5. Bio-Based Industries

6. Modern Agriculture และ Future Foods

พร้อมยกตัวอย่างการลงทุนสำคัญที่เกิดขึ้นแล้วในไทย เช่น CHANGAN, Sunwoda, Infineon, Foxconn, Microchip และ Garmin ซึ่งรวมกันมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท และสร้างงานใหม่หลายหมื่นตำแหน่ง

นอกจากนี้ BOI ยังเปิด 3 มาตรการเร่งรัดการลงทุน Quick Big Win เพื่อให้ไทยเป็นจุดหมายการลงทุนระดับภูมิภาค ได้แก่

1. มาตรการเร่งรัดการลงทุน กลไกอนุมัติเร็วสำหรับโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

2. มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ พัฒนาแรงงานทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยให้เงินสนับสนุนค่าจัดฝึกอบรมให้กับมหาวิทยาลัยหรือบริษัทฝึกอบรม

3. มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกยุคใหม่ เช่นการวิจัยและพัฒนา (R&D), ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใช้ระบบ,ให้เงินสนับสนุนและสินเชื่อ


BOI ย้ำว่า Next Frontier ของเศรษฐกิจไทยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ประเทศสร้าง New Industry, New Technology, New Talent, New Energy และ New Supply Chain ไปพร้อมกัน จากฐานการผลิตที่แข็งแรงสู่ระบบนิเวศใหม่ของการลงทุนสีเขียวและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งใน Global Manufacturing Hub ที่โลกจับตามองในทศวรรษหน้า

#TheStandard #ThailandsNextFrontier
#พรมแดนใหม่เศรษฐกิจไทย
#TheStandardEconomicForum2025

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages