มินิ ประเทศไทย สานต่อแนวคิด ‘Unbox The Future’
ยกทัพยนตรกรรมแห่งอนาคต สู่งาน MINI Expo 2024
ชวนแฟน ๆ จับจองรถยนต์ จัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษ ณ เซ็นทรัลเวิลด์
กรุงเทพฯ. มินิ ประเทศไทย สานต่อความสำเร็จจากการเปิดตัวยนตรกรรมเจเนอเรชันใหม่ ชวนแฟน ๆ ชาวไทย ร่วมเปิดประตูสู่โลกอนาคตในแบบฉบับของ มินิ กับงาน MINI Expo 2024 ยกทัพมินิหลากหลายรุ่นให้จับจอง ไม่ว่าจะเป็น มินิ เอซแมน เอสอี ใหม่ ที่พร้อมประกาศราคาและรับจองตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ณ งาน MINI Expo 2024 และที่ผู้จำหน่ายมินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ รวมถึงรถยนต์มินิเจเนอเรชันใหม่หลากหลายรุ่น อาทิ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ยังคงดีเอ็นเอและการขับขี่แบบ Go-Kart Feeling ไว้เต็มเปี่ยม นำทีมมาพร้อมสีใหม่สุดพิเศษ Ocean Wave Green และอีกหลากหลายเฉดสี มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ ด้วยดีไซน์ใหม่ มาพร้อมพลังที่แรงขึ้น สานต่อสปิริตความท้าทายมาอย่างยาวนาน ท่านสามารถสัมผัสดีไซน์และตำนานของ Iconic Car ต้นฉบับอย่าง มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition, มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Multitone, มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล และมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 20 – 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567 นี้
คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “มินิ ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าให้กับชาวมินิสเตอร์ทุกคน งาน MINI Expo 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทุกคนจะได้ร่วม ‘Unbox The Future’ อย่างเป็นทางการ กับการเปิดประตูสู่โลกอนาคตในแบบฉบับของ มินิ ที่ยังคงเอกลักษณ์ต้นฉบับตั้งแต่ปี 1959 พร้อมยกระดับดีไซน์และเทคโนโลยีในยนตรกรรม เจเนอเรชันใหม่ เราเชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมระดับพรีเมียม คอมแพ็ค พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ ผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และนวัตกรรมอันล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ไฮไลท์สำคัญของงานคือ การจัดแสดงรถยนต์มินิหลากหลายรุ่น ที่พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ทั้งในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า 100% และเครื่องยนต์สันดาปแบบต้นฉบับ มินิ ภายใต้ธีม ‘Unbox The Future’ สะท้อนแนวคิดการพลิกโฉมนิยามของรถยนต์ มินิ ระดับตำนานให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ในพื้นที่แยกสองโซนของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ ลานกิจกรรม Central Court ชั้น 1 กับมินิ เอซแมน เอสอี ใหม่ และมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ และไฮไลท์รถยนต์มินิรุ่นต่าง ๆ อีกมากมายที่ลานกิจกรรม Eden ชั้น 1 รวมกว่า 17 คัน นอกจากนี้ ยังมีสินค้า MINI Lifestyle คอลเลคชันใหม่ให้ได้เลือกช้อปปิ้ง และประสบการณ์การขับขี่แบบ Go-Kart Feeling สุดเร้าใจ กับการทดลองขับรถยนต์ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่, มินิ คันทรีแมน และมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู ที่มีให้เลือกสัมผัสภายในงาน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่มามอบให้แฟน ๆ มินิ ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ
ข้อเสนอพิเศษในงาน MINI Expo 2024*
ลูกค้าที่จองรถยนต์มินิทุกรุ่นภายในงาน MINI Expo 2024 จะได้รับฟรี! กระเป๋าสะพายข้างมินิผลิตจากขวดพลาสติกรีไซเคิลสุดเท่ ให้รักษ์โลกไปพร้อมกัน!
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
**สำหรับลูกค้าที่จองรถในงาน MINI Expo 2024 และทำสัญญาทางการเงินกับ MINI Financial Services และออกรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เท่านั้น
***สำหรับลูกค้าที่จองรถในงาน MINI Expo 2024 และออกรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น
งาน MINI Expo 2024 จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 20 – 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567 และ สามารถร่วมกิจกรรมและรับข้อเสนอเดียวกันนี้ ที่ผู้จำหน่าย มินิ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากมินิ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page ของมินิ ประเทศไทย https://www.facebook.com/MINI.Thailand
#MINIExpo2024 #UnboxTheFuture #MINI #MINITH #BIGLOVE #MINIElectric #TheNewMINIFamily #AllElectric
ไฮไลท์รถยนต์มินิ ในงาน MINI Expo 2024
มินิ เอซแมน เอสอี ใหม่
ราคา: 1,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และ MSI Package)
มินิ ประเทศไทย เผยโฉม มินิ เอซแมน เอสอี เป็นครั้งแรกสำหรับตลาดประเทศไทย ในฐานะรถยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวในการใช้ขับขี่ภายในเมือง เติมเต็มกลุ่มลูกค้าที่มองหาอีกหนึ่งตัวเลือกระหว่างมินิ คูเปอร์ และมินิ คันทรีแมน โดดเด่นด้วยการออกแบบขนาดตัวรถที่เน้นประโยชน์พื้นที่ใช้สอยสูงสุด ในขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่มินิบนท้องถนนให้สนุกเหนือระดับยิ่งกว่าที่เคย
มินิ เอซแมน เอสอี พกพาความคล่องตัวของครอสโอเวอร์ด้วยความยาวตัวรถ 4.07 เมตร ที่เพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยสำหรับทุกสถานการณ์แบบรถ 5 ที่นั่ง ปรัชญาการดีไซน์ยังคงความเรียบง่ายแต่มากเสน่ห์เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ในเจเนอเรชันใหม่ และยังมีองค์ประกอบที่ไม่ซ้ำใคร เช่น รูปทรงไฟหน้า การออกแบบเส้นสายบริเวณซุ้มล้อที่รับกับล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย Night Flash แบบสลับสี กราฟฟิกไฟท้ายเฉพาะสำหรับรุ่นเอซแมน รวมถึงการออกแบบชิ้นส่วนกรอบสีดำบริเวณกันชนท้ายช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์ของมินิ เอซแมนยิ่งขึ้น ส่วนการออกแบบภายใน มาในสไตล์ Favoured แต่เพิ่มความสนุกสนานด้วยสีสันและลวดลายที่แตกต่างจากมินิ คูเปอร์ เอสอีใหม่อย่างชัดเจน มาพร้อมหลังคา Panorama Glass Roof เบาะนั่งปรับไฟฟ้าสปอร์ต John Cooper Works และยังเน้นย้ำประสบการณ์ดิจิทัลล้ำสมัยผ่านจอ OLED ทรงกลม พร้อม Toggle Bar และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน
มินิ เอซแมน เอสอี ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เช่นเดียวกับ มินิคูเปอร์ เอสอี ใหม่ ให้พละกำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 5.45 ชั่วโมง และการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ ที่ทำความเร็วในการชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลา 31 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ มินิ เอซแมน เอสอี ยังพกพาเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่และความสะดวกสบายมาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Driving Assistant Plus ระบบ Parking Assistant รวมถึงความสะดวกสบายจากระบบ Digital Key Plus และความบันเทิงเต็มอิ่มจากลำโพง Harman Kardon surround sound system
มินิ เอซแมน เอสอี มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดง Rebel Red, สีน้ำเงิน Indigo Blue, สีน้ำเงิน Blazing Blue, สีขาว Nanuq White และสีเทา Melting Silver
# # #
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิตมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.55 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 209,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 17.1 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 155.5 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 154,950 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย สี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง
ในปี 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 15,477 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 14,128 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,349 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,079 คัน
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยูมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ทั้งหมด 18 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู M760e xDrive
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th
No comments:
Post a Comment