เปิดเวทีหารือ เร่งพัฒนามาตรการร่วมกำหนด
“อนาคตธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มดิจิทัล”
สู่กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลดิจิทัลให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งคงไว้ซึ่งความเชื่อมโยงกับบริบทของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมิติทางสังคมของการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซ เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มคอนเทนต์ และชุมชนออนไลน์ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของประชาชน ไม่เพียงในฐานะเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังเป็นช่องทางในการทำธุรกรรมออนไลน์และสร้างรายได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ขยายวงกว้างขึ้นก็ได้นำมาซึ่งความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ ทั้งในระดับบุคคล ระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเนื้อหาผิดกฎหมาย การฉ้อโกงและหลอกลวงออนไลน์ การบิดเบือนข้อมูล ความเสี่ยงต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการรู้เท่าทันสื่อและข้อมูล ซึ่งล้วนเป็นประเด็นซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ดังนั้น การเร่งพัฒนา 'กรอบธรรมาภิบาลดิจิทัล' ที่เข้มแข็ง และสร้าง 'กลไกการกำกับดูแลแพลตฟอร์มอย่างมีธรรมาภิบาล' ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมจากทุกภาคส่วน ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน ความโปร่งใส และความรับผิดชอบร่วมกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ไม่เพียงแต่ดำเนินการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนากรอบแนวทางและกลไกสำคัญเพื่อส่งเสริมการกำกับดูแลดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาดแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยใช้กลไกการกำกับดูแลตนเองที่เปิดโอกาสให้หลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการให้บริการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีผ่านพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “พระราชกำหนดบัญชีม้า (Emergency Decree on Mule Accounts)” ซึ่งกำหนดให้ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ต้องระงับหรือลบข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นการเสริมหลัก “ความรับผิดชอบในการดูแล” (Duty of Care) ของแพลตฟอร์มดิจิทัล ในขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันในการแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ (Online Scam) พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างเสมอภาค ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมทั้งยกระดับทักษะด้านการรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) และ การรู้เท่าทันสื่อและข้อมูล (Media and Information Literacy – MIL) เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย รอบคอบและมีความรับผิดชอบ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ประเทศไทยมุ่งพัฒนาและกำกับดูแลระบบนิเวศแพลตฟอร์มดิจิทัลให้มีความสมดุล ซึ่งนโยบายเหล่านี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน ธรรมาภิบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ความปลอดภัยสาธารณะ และความเชื่อมั่นของประชาชน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์เชิงรูปธรรมใน ระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญตามกรอบนโยบายของรัฐบาล
“โลกดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีและข้อมูลได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของ การเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสังคมไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้น การพัฒนา ‘กรอบธรรมาภิบาล’ สำหรับบริการดิจิทัลจึงจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้และ การส่งเสริมนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ ในการแลกเปลี่ยนมุมมองและร่วมออกแบบแนวทางการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง โปร่งใส และยั่งยืนสำหรับบริการดิจิทัลและแพลตฟอร์ม ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณของ 'พหุภาคี (Multistakeholder Spirit) ที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของและร่วมรับผิดชอบต่อการกำหนดทิศทางของระบบนิเวศดิจิทัล ประเทศไทยพร้อมทำงานเคียงข้างกับประเทศสมาชิกอาเซียนและพันธมิตรระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนแนวทางร่วมของอาเซียนในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีธรรมาภิบาล มุ่งสู่การสร้างตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืน น่าเชื่อถือ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลในระดับภูมิภาค”
Maki Katsuno-Hayashikawa, Director of the UNESCO Liaison Office to ASEAN and the Regional Office in Jakarta กล่าวว่า UNESCO รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับประเทศไทย สำนักงานเลขาธิการอาเซียน และสถาบัน European University Institute (EUI) ในการจัดการประชุมครั้งสำคัญนี้ โดยสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของภูมิภาคในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เปิดกว้าง ปลอดภัย และยึดหลักสิทธิมนุษยชน เธออธิบายว่า บทบาทเชิงเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มดิจิทัลในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดีแพลตฟอร์มเดียวกันที่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงความรู้และวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมและเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก
ได้กลายมาเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของข้อมูลบิดเบือน ความแตกต่างทางขั้วความคิด และการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และความเกลียดชัง ดังนั้น การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องยึดแนวทางที่อ้างอิงสิทธิมนุษยชนและพหุภาคี (Human Rights-Based and Multistakeholder Approach) เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการร่วมออกแบบแนวทางแก้ไขร่วมกันในการขับเคลื่อน 'Internet for Trust' ซึ่งแนวทางแบบพหุภาคีนี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและ การเข้าถึงข้อมูลอีกด้วย
“UNESCO พร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนก้าวสู่การเป็นต้นแบบของการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีธรรมาภิบาล ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และส่งเสริมความถูกต้องน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสาร”
H.E. Sujiro Seam, Ambassador of the European Union to ASEAN กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่าง ASEAN โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำและองค์การ UNESCO เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตของธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มดิจิทัลบนพื้นฐานของค่านิยมร่วม ไม่ว่าจะเป็น ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่นในข้อมูลดิจิทัล พร้อมเน้นย้ำว่า ความท้าทายของโลกดิจิทัลในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง การสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาคจึงมีความสำคัญ เพื่อวางกติกาที่ทันสมัยและเป็นธรรมสำหรับทุกภาคส่วน
การประชุม ASEAN–UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platforms จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 20–22 ตุลาคม 2568 โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก องค์กรระหว่างประเทศ และตัวแทนจากหลายภาคส่วน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์เชิงเปรียบเทียบในการขับเคลื่อนแนวคิด “Digital Governance for a Trusted Future” ตลอดระยะเวลาการประชุม ผู้เข้าร่วมจะได้มีส่วนร่วมใน การอภิปรายเชิงลึกในประเด็นสำคัญหลากหลายด้าน อาทิ กรอบความร่วมมือระดับโลกและระดับภูมิภาคด้าน ธรรมาภิบาลดิจิทัล การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและการแข่งขันทางการตลาดอย่างเป็นธรรม รวมถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มดิจิทัล ความปลอดภัยออนไลน์และการคุ้มครองเด็ก การกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) และเทคโนโลยีเกิดใหม่ การเสริมพลังให้ผู้ใช้และการรู้เท่าทันสื่อและข้อมูล ตลอดจนความร่วมมือของภาคประชาสังคมและระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมสิทธิดิจิทัล
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และ สถาบัน European University Institute (EUI) ได้ร่วมกันยืนยันความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแนวทาง การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (multistakeholder approach) และการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความถูกต้องน่าเชื่อถือของข้อมูล การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในโลกออนไลน์ และการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ การประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคและ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านแนวปฏิบัติที่ดีรวมถึงประสบการณ์ในระดับนานาชาติ การอภิปรายภายในเวทีครั้งนี้ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนพัฒนา ร่างข้อเสนอแนะการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลในอาเซียนอย่างมีธรรมาภิบาล (Draft Recommendations on Digital Platform Governance in ASEAN) สะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างกรอบความร่วมมือของภูมิภาคให้มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และเปิดกว้าง เพื่อธรรมาภิบาลดิจิทัลที่ครอบคลุมและยั่งยืน
“UNESCO พร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนก้าวสู่การเป็นต้นแบบของการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีธรรมาภิบาล ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และส่งเสริมความถูกต้องน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสาร”
H.E. Sujiro Seam, Ambassador of the European Union to ASEAN กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่าง ASEAN โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำและองค์การ UNESCO เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตของธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มดิจิทัลบนพื้นฐานของค่านิยมร่วม ไม่ว่าจะเป็น ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่นในข้อมูลดิจิทัล พร้อมเน้นย้ำว่า ความท้าทายของโลกดิจิทัลในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง การสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาคจึงมีความสำคัญ เพื่อวางกติกาที่ทันสมัยและเป็นธรรมสำหรับทุกภาคส่วน
การประชุม ASEAN–UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platforms จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 20–22 ตุลาคม 2568 โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก องค์กรระหว่างประเทศ และตัวแทนจากหลายภาคส่วน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์เชิงเปรียบเทียบในการขับเคลื่อนแนวคิด “Digital Governance for a Trusted Future” ตลอดระยะเวลาการประชุม ผู้เข้าร่วมจะได้มีส่วนร่วมใน การอภิปรายเชิงลึกในประเด็นสำคัญหลากหลายด้าน อาทิ กรอบความร่วมมือระดับโลกและระดับภูมิภาคด้าน ธรรมาภิบาลดิจิทัล การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและการแข่งขันทางการตลาดอย่างเป็นธรรม รวมถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มดิจิทัล ความปลอดภัยออนไลน์และการคุ้มครองเด็ก การกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) และเทคโนโลยีเกิดใหม่ การเสริมพลังให้ผู้ใช้และการรู้เท่าทันสื่อและข้อมูล ตลอดจนความร่วมมือของภาคประชาสังคมและระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมสิทธิดิจิทัล
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และ สถาบัน European University Institute (EUI) ได้ร่วมกันยืนยันความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแนวทาง การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (multistakeholder approach) และการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความถูกต้องน่าเชื่อถือของข้อมูล การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในโลกออนไลน์ และการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ การประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคและ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านแนวปฏิบัติที่ดีรวมถึงประสบการณ์ในระดับนานาชาติ การอภิปรายภายในเวทีครั้งนี้ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนพัฒนา ร่างข้อเสนอแนะการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลในอาเซียนอย่างมีธรรมาภิบาล (Draft Recommendations on Digital Platform Governance in ASEAN) สะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างกรอบความร่วมมือของภูมิภาคให้มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และเปิดกว้าง เพื่อธรรมาภิบาลดิจิทัลที่ครอบคลุมและยั่งยืน

%20ASEAN%E2%80%93UNESCO%20Multistakeholder%20Forum%20on%20the%20Governance%20of%20Digital%20Platforms%20(1).jpg)
%20Mr.%20Chaichanok%20Chidchob,%20Minister%20of%20Digital%20Economy%20and%20Society,.jpg)
%20Mr.%20Chaichanok%20Chidchob,%20Minister%20of%20Digital%20Economy%20and%20Society.jpg)
%20ASEAN%E2%80%93UNESCO%20Multistakeholder%20Forum%20on%20the%20Governance%20of%20Digital%20Platforms.jpg)
%20ASEAN%E2%80%93UNESCO%20Multistakeholder%20Forum%20on%20the%20Governance%20of%20Digital%20Platforms.jpg)



No comments:
Post a Comment