เงินสะพัดกว่า 438 ล้านบาท
ผู้เข้าร่วมงานประทับใจกิจกรรมซอฟต์เพาเวอร์
นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงความสำเร็จในการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 พร้อมบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนกิจกรรมจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดยการทำงานของอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือ ภายใต้ THACCA และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมจัดงาน ภายใต้ธีม “อ่านกันยันโลกหน้า” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม งานจัดตั้งแต่วันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 พบว่ามีนักอ่านและผู้สนใจทั้งชาวไทยและต่างชาติสนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 1.4 ล้านคน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เติบโตสูงกว่าจีดีพีประเทศ พร้อมกันนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ โดยในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพียงวันเดียว มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 236,686 คน จากสถิติเดิมสูงสุด 162,135 คน คาดเงินสะพัด พีกสูงสุดกว่า 100 ล้านบาท มากที่สุดตั้งแต่จัดงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติมาหลังจากโควิดระบาด
กลุ่มคนที่เข้างาน แยกเป็น ผู้หญิง 63.78% ผู้ชาย 26.91% LGBTQ+ 6.90% และอื่นๆ 2.41% โดยแบ่งเป็นช่วงอายุ 12-35 ปี จำนวน 69% เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ส่วนช่วงอายุ 23-28 ปี จำนวนสูงถึง 23%
หนังสือที่ขายดีในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 เรียงลำดับดังนี้
อันดับ 1 การ์ตูน 40%
อันดับ 2 นิยาย 30%
อันดับ 3 จิตวิทยา/ฮีลใจ 20%
และอื่นๆ หนังสือแบบเรียน หนังสือเด็ก หนังสือการลงทุน หนังสือสุขภาพ รวม 10%
นายสุวิช กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งความสำเร็จที่เห็นได้ชัดคือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของสำนักพิมพ์ต่างๆ อาทิ การจัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำ, แจกไอเทมพรีเมี่ยม การจัดกิจกรรม “หยิบฟรีไม่อั้น บุฟเฟ่ต์เต็มถุงในราคา 199 บาท, 579 บาท และ 699 บาท หนังสือใหม่ ชั่งกิโลขาย ขีดละ 10 บาท ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เห็นได้จากยอดจองคิวผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งการจองคิวเข้าร่วมซื้อที่หน้าบูธต่างๆ เป็นต้น ถือเป็นแรงดึงดูดให้นักอ่านและผู้สนใจเข้ามาร่วมงานมากขึ้น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้พบว่ามียอดการซื้อหนังสือเฉลี่ย 600 บาทต่อคน ขณะเดียวกันพบว่ามีนักอ่านและผู้สนใจจำนวนมากที่มาร่วมงานมากกว่า 1 ครั้ง
นายก PUBAT กล่าวอีกว่า การที่คนรุ่นใหม่หันกลับมาอ่านหนังสือมากขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมหนังสือในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการอ่านของคนไทยในยุคดิจิทัลที่มีการเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ อย่างไรก็ดีการอ่านหนังสือไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความรู้และทักษะ แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักอ่านกับนักเขียนและสำนักพิมพ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาวงการหนังสือในประเทศไทยให้มีความหลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดีจากความสำเร็จในครั้งนี้ สมาคมมีแนวคิดในการขยายพื้นที่จัดงานในครั้งต่อไป โดยจะขยายเพิ่มอีก 1 ฮอลล์ หรือประมาณ 5,000 ตร.ม. ส่งผลให้มีพื้นที่จัดงานเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ตร.ม. จากเดิมที่มีอยู่ราว 20,000 ตร.ม. ซึ่งจะทำให้สำนักพิมพ์ต่างๆ สามารถเข้าร่วมออกบูธได้มากขึ้น และมีหนังสือออกวางจำหน่ายเพิ่มขึ้น มีกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น สร้างโอกาสให้ผู้อ่านและผู้สนใจสามารถมาเดินเลือกซื้อหนังสือที่ตัวเองชื่นชอบ และร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น
“ผมเชื่อว่าวันนี้ผู้ที่มาร่วมงานมหกรรมหนังสือฯ ไม่ได้มาเพื่อซื้อหนังสือเท่านั้น แต่ต้องการมาเพื่อสรรหาแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์พร้อมกับความสนุกสนาน ทำให้การจัดงานหนังสือในรูปแบบของเฟสติวัลได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งในการจัดงานหนังสือครั้งต่อไป นักอ่านจะได้พบกับธีมใหม่ๆ ที่เชื่อว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกครั้ง รอติดตามการจัดงานครั้งต่อไปได้ในเร็วๆ นี้ครับ”
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ Thai Book Fair
No comments:
Post a Comment