“โคคา-โคล่า” จับมือ 14 พันธมิตร ชวนรีไซเคิล ในโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky ปีที่ 5 ลุ้นรางวัลกว่า 2 ล้านบาท - Siam Outlook

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, June 26, 2025

“โคคา-โคล่า” จับมือ 14 พันธมิตร ชวนรีไซเคิล ในโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky ปีที่ 5 ลุ้นรางวัลกว่า 2 ล้านบาท


“โคคา-โคล่า” จับมือ 14 พันธมิตร ชวนรีไซเคิล
ในโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ 
Trash Lucky ปีที่ 5 ลุ้นรางวัลกว่า 2 ล้านบาท
พร้อมผนึกกำลังมหาวิทยาลัยชั้นนำ ส่งเสริมการรีไซเคิลที่สนุกและยั่งยืน
เพียงเริ่มแยกขยะ-แลกแต้ม-รอลุ้นรางวัลกับ Trash Lucky 
ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568

นายศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย และลาว (ซ้าย) และ นายณัฐภัค อติชาตการ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แทรชลัคกี้ จำกัด (Trash Lucky) (ขวา)

กรุงเทพ, 26 มิถุนายน 2568 – กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ผ่านความร่วมมือกับ แทรชลัคกี้ ภายใต้โครงการ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ปีที่ 5 โดยโครงการดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเก็บและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์อย่างขวดพลาสติกและกระป๋อง นำไปแลกเป็นแต้ม และสะสมแต้มเพื่อลุ้นรับของรางวัล เพื่อให้ผู้บริโภคหันมารีไซเคิลจนเกิดเป็นนิสัยและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมได้ในระยะยาว ซึ่งความพิเศษของโครงการในปีนี้ คือการขยายความร่วมมือสู่มหาวิทยาลัย 9 แห่ง เพื่อชวนกลุ่ม Gen Z ให้เข้ามาร่วมรีไซเคิลมากขึ้น อีกทั้งขยายความร่วมมือไปสู่พันธมิตรรีเทลรายใหม่คือ ท็อปส์ (TOPS) และ GO WHOLESALE เพื่อขยายเครือข่ายจุดรับวัสดุรีไซเคิลให้ครอบคลุมและสะดวกแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 จนถึงปัจจุบัน มีขวดพลาสติก PET ที่ได้รับการนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลผ่านโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” รวมกว่า 36,000 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าขวดพลาสติก PET จำนวนกว่า 1.6 ล้านขวด (*คำนวนจากน้ำหนักขวดพลาสติก PET ขนาด 600 มิลลิลิตร จำนวน 45 ขวด คิดเป็นปริมาณราว 1 กิโลกรัม อ้างอิงข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567) และยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยที่ผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่าครึ่งหนึ่งยังคงกลับมาร่วมรีไซเคิลในปีต่อ ๆ มา สะท้อนความสำเร็จของวัตถุประสงค์ที่โคคา-โคล่าต้องการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม ให้ผู้บริโภคลงมือแยกขยะและนำขยะกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง


ในปี พ.ศ. 2568 นี้ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” กลับมาพร้อมของรางวัลกว่า 6,000 รายการ มูลค่ารวมถึงกว่า 2 ล้านบาท โดยมีรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมรางวัลประจำเดือนที่น่าสนใจ อาทิ แกดเจ็ตและทองคำ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคร่วมกันรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น

โคคา-โคล่าเดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับหน่วยงานรีไซเคิลชั้นนำ ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) สำหรับการรีไซเคิลขวดพลาสติก PET และบริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด (TBC) สำหรับรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมในรูปแบบวงจรปิด (Closed Loop Recycling) ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะลดปริมาณขยะและส่งเสริมการดำเนินงานที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น และที่ขาดไม่ได้ คือเหล่าพันธมิตรรีเทลที่เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในโครงการ อันได้แก่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าส่ง “แม็คโคร” และผู้นำธุรกิจค้าปลีก “โลตัส” เดอะมอลล์ กรุ๊ป บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต รวมถึงพันธมิตรผู้สนับสนุนรางวัลอย่าง LINE MAN ความร่วมมือดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโคคา-โคล่าและเหล่าพันธมิตร ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเก็บคืนและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค


ในปีนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าร่วมรีไซเคิลทุกคนจะได้รับโค้ดส่วนลด LINE MAN Food 30% มูลค่าสูงสุด 100 บาท เมื่อร่วมรีไซเคิลภายใต้โครงการ โดยจำนวนคูปองรวมมีถึง 4,800 ใบตลอดโครงการ นอกจากนี้ เพื่อดึงดูด ให้ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ หันมาลงมือรีไซเคิลกันมากยิ่งขึ้น “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ปีที่ 5 ได้ขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัย 9 แห่ง โดยนอกจากจะติดตั้งจุดรับขยะรีไซเคิลในมหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีกิจกรรมโรดโชว์และเวิร์คช็อปให้ความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิล พร้อมเกมลุ้นรางวัลสุดพิเศษอีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้ ท็อปส์ (TOPS) และ GO WHOLESALE มาร่วมเป็นพันธมิตรรีเทลล่าสุด โดยเพิ่มจุดรับวัสดุรีไซเคิลที่ ท็อปส์ 6 สาขา และที่ GO WHOLESALE 5 สาขา ทำให้มีจุดรับวัสดุรีไซเคิลรวมกว่า 80 จุด โดยเพิ่มจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ใหม่ของโครงการอีกด้วย


นายศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัทโคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย และลาว
 กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่เราได้ร่วมสนับสนุนโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky มาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราในการช่วยปลูกฝังพฤติกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นอย่างการคัดแยกและนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิล ตลอดจนกระตุ้นให้ผู้บริโภคเริ่มลงมือทำ โคคา-โคล่าขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมเสมอมา ในฐานะผู้สนับสนุนหลักในด้านของรางวัลและการสื่อสาร ปีนี้เราได้ทำงานร่วมกับเหล่าพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในด้านการสื่อสารเพื่อขยายการรับรู้ถึงโครงการในวงกว้างมากขึ้น และเน้นสร้างแรงบันดาลใจและดึงดููดคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ให้ร่วมลงมือรีไซเคิลมากขึ้น รวมถึงจัดอีเวนต์พิเศษที่จะทำให้โครงการได้รับความสนใจและดูสนุกสนานมากยิ่งขึ้นในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังเน้นเพิ่มความสะดวกในการร่วมรีไซเคิลให้แก่ผู้บริโภคทั่วไปด้วยการขยายเครือข่ายพันธมิตรรีเทล และเพิ่มจำนวนจุดรับวัสดุรีไซเคิล ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภูเก็ต สงขลา รวมถึงสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ในภาคใต้”


นายณัฐภัค อติชาตการ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แทรชลัคกี้ จำกัด (Trash Lucky) 
กล่าวว่า “แทรชลัคกี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่โครงการ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ปีที่ 5 ได้ต้อนรับพันธมิตรใหม่อย่าง ท็อปส์ (TOPS), GO WHOLESALE และมหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง มาร่วมเป็นจุดรับวัสดุรีไซเคิลแห่งใหม่ ตลอดจนยกระดับความร่วมมือกับ LINE MAN หนึ่งในพันธมิตรผู้สนับสนุนรางวัล ด้วยการมอบโค้ดส่วนลด LINE MAN Food 30% มูลค่าสูงสุด 100 บาท ให้กับทุกคนที่ลงมือรีไซเคิลกับเราในโครงการปีนี้ ซึ่งน่าจะช่วยดึงดูดกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการแลกรับของรางวัลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ในทันที นอกจากนี้ แทรชลัคกี้ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ให้เป็นจุดรับวัสดุรีไซเคิลแห่งใหม่ พร้อมทั้งจัดโรดโชว์และกิจกรรมลุ้นรางวัลตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อีกด้วย โดยขวดพลาสติก PET ที่เก็บได้ในโครงการ จะถูกนำกลับเข้าสู่ระบบการรีไซเคิลผ่านความร่วมมือกับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ส่วนและกระป๋องอลูมิเนียมจะถูกส่งต่อให้บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด เพื่อนำไปรีไซเคิลในระบบ Closed Loop ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และพลังงานในการผลิตเมื่อเทียบกับการผลิตจากวัตถุดิบใหม่ ถือเป็นระบบรีไซเคิลที่สร้างผลกระทบเชิงบวก และความยั่งยืนในระยะยาว โดยเงินที่ได้จากการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมจะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระ ศรีนครินทราบรมราชชนนี องค์กรที่ผลิตและบริจาคขาเทียมให้กับผู้พิการแขนขาที่ขาดแคลน นับเป็นการสร้างคุณค่าทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมไปพร้อมกัน”


ผู้บริโภคที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ เพียงลงทะเบียนเป็นสมาชิกของ Trash Lucky ผ่าน LINE OA @TrashLucky เพื่อสะสมแต้มผ่าน Trash Lucky ID ของตนเอง พร้อมคัดแยกวัสดุรีไซเคิลที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก แก้ว กระดาษ โลหะ บรรจุใส่ถุงแยกตามประเภท ติดชื่อ-นามสกุลและ Trash Lucky ID ให้ชัดเจน จากนั้นสามารถนำส่งวัสดุรีไซเคิลที่คัดแยกไว้ได้ที่จุดรับกว่า 80 จุด แล้วรอลุ้นรางวัลกันได้เลย!


ในโครงการ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ปีที่ 5 นี้ โคคา-โคล่า ได้ร่วมสนับสนุนของรางวัล ไม่ว่าจะเป็นของรางวัลประจำเดือน อาทิ เครื่องฟอกอากาศ, แก็ดเจ็ต และทองคำ รวมไปถึงรางวัลใหญ่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท พิเศษสุดในปีนี้ ทุกการรีไซเคิล รับไปเลย โค้ดส่วนลดจาก LINE MAN Food 30% มูลค่าสูงสุด 100 บาท 1คน/1สิทธิ์/เดือน โดยแคมเปญฯ มีระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 เตรียมพบกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นได้เร็ว ๆ นี้ โดยสามารถติดตามได้ที่เพจ Facebook ของ Coca-Cola Thailand และ Trash Lucky สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ การสะสมแต้ม ของรางวัล และรายละเอียดจุดรับกว่า 80 จุดได้ที่เว็บไซต์ https://trashlucky.com/recycleme

                                                         ###

พันธมิตรในโครงการ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky ปีที่ 5

พันธมิตรรีเทล


 • บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุกิจค้าปลีกในรูปแบบของ "ไฮเปอร์มาร์เก็ต" มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรโลก เพื่อก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างธุรกิจกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ร่วมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิลที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 11 สาขา ได้แก่ คู้บอน, อิสรภาพ, สะพานควาย, บางนา, ศรีนครินทร์, ติวานนท์, อ่อนนุช, ลาดพร้าว 2, บางปะกอก, ดอนเมือง และวงศ์สว่าง

• ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ศูนย์การค้าที่รวบรวมความบันเทิงระดับโลกไว้สำหรับชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เราไม่เพียงแต่มุ่งเน้นนำเสนอสินค้าและบริการ รวมถึงกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักช้อป นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเท่านั้น แต่เรายังได้ผนวกแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานของบริษัทเช่นกัน ศูนย์การค้าจังซีลอนจึงได้ร่วมเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรในการขยายขอบเขตกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอันสร้างสรรค์สู่ชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ผ่านการร่วมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิล 1 จุดในพื้นที่อาคารจอดรถชั้น G ภายในศูนย์การค้า

• บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าส่ง “แม็คโคร” และผู้นำธุรกิจค้าปลีก “โลตัส” ห้างค้าปลีกผู้นำด้านความยั่งยืน ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศและเข้าถึงชุมชน สนับสนุนโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเป็นตัวกลางช่วยให้ลูกค้านำบรรจุภัณฑ์กลับเข้ากระบวนการรีไซเคิลได้โดยสะดวก เพื่อสร้างระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิลที่โลตัส 14 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม 2, มีนบุรี, แจ้งวัฒนะ, บางกะปิ, ลาดพร้าว, พระราม 1, วังหิน, ปิ่นเกล้า, พัฒนาการ ลาดกระบัง, เลียบคลองสอง, จรัญสนิทวงศ์, รัตนาธิเบศร์ และสายไหม 56 สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของโลตัสที่ มุ่งลดปริมาณขยะและของเสียที่นำไปฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การช่วยให้ลูกค้าและประชาชนสามารถคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีและนำกลับเข้าระบบเพื่อการรีไซเคิล ผ่านสาขาของโลตัส โดยร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้าที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่ความสำเร็จ

• บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ภายใต้กลยุทธ์ Powering Progress ด้วยเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 พร้อมส่งมอบพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบทางสังคม พร้อมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิลที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์จำนวน 28 สาขา ได้แก่ ดอนเมือง, กาญจนาภิเษก, ถนนเพชรเกษม 2/1, พระราม 3, ทวีวัฒนา, ทุ่งครุ, บางนา-ลาซาล, ถนนบรมราชชนนี ซอย 30, ถนนจันทน์ ซอย 23, ถนนกัลปพฤกษ์, ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี, ลาดพร้าว 81, ใกล้อาคารอิตัลไทยทาวเวอร์, หาดใหญ่ (ถนนพังงา), ใกล้ถนนนวมินทร์ 56, ใกล้ถนนวังหิน ซอย 82, ถนนงามวงศ์วาน, หนองแขม, อ่อนนุช ซอย 35, ตรงข้ามโลตัสพระราม 4, ประเวศ, ถนนพระราม 5, ราชพฤกษ์, สะพานสูง, ถนนศรีนครินทร์, สุขุมวิท 71, ธนบุรี-ท่าพระ และถนนกาญจนวนิช ซอย 17

• กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้นำโครงการจุดหมายปลายทางระดับโลก ตอกย้ำองค์กรต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อม สร้างธุรกิจให้เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่ร่วมรังสรรค์ (Co-Creation) และสร้างคุณค่าร่วมกัน (Share Value) กับผู้คนจำนวนมาก และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยมาโดยเสมอ ในปีนี้สยามพิวรรธน์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรของโครงการฯ ซึ่งช่วยส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนให้กับคนไทย สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของสยามพิวรรธน์ ที่มีความมุ่งมั่นในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ที่สยามพิวรรธน์เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยใช้พื้นที่ในทุกโครงการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการร่วมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิล 1 จุดในพื้นที่ศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แก่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

• เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะ GREEN RETAIL แห่งแรกของประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นห้างสรรพสินค้ารักษ์โลกและเป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง ESG ร่วมมือจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน 4 สาขา ได้แก่ เดอะมอลล์ รามคำแหง, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน และเอ็มควอเทียร์

• GO WHOLESALE ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ในระบบสมาชิก ภายใต้กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจ โดยการส่งมอบ ความสดใหม่ในทุกมิติ ความครบทั้งสินค้า วัตถุดิบอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้และบริการ ความคุ้มราคาและเวลา ที่จำเป็นในการต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการ ภายใต้ สโลแกน "ความสำเร็จคุณ เป้าหมายเรา" รวมถึง GO WHOLESALE ให้ความสำคัญถึงการสนับสนุนด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่น การใช้พลังงานทดแทน การลดปริมาณขยะอาหาร (Food Waste) การลดการใช้พลาสติก การรับซื้อผลิตผลจากเกษตรกรท้องถิ่น เป็นต้น รวมถึงการจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิล 5 จุด ได้แก่ สาขาพระราม 2, ศรีนครินทร์, รามคำแหง, เจริญราษฎร์ และรังสิต

• ท็อปส์ (TOPS) ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของประเทศไทย โดยบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล นำเสนอสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับพรีเมียม จากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด "Food Discovery & Destination ดำเนินธุรกิจภายใต้พันธกิจของการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ท็อปส์เล็งเห็นว่า โครงการดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับนโยบาย 12 Missions to Sustainable Retail เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Small Acts Together พลังเล็กๆ เพื่อโลกที่ยั่งยืน จึงให้การสนับสนุนและเข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรของโครงการดังกล่าว โดยร่วมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์, ท็อปส์ นาคนิวาส (ลาดพร้าว), ท็อปส์ พัฒนาการ 30, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ สุขุมวิท 39, ท็อปส์ เซ็นทรัล สุราษฏร์ธานี และท็อปส์ หาดใหญ่ วิลเลจ จ.สงขลา

• แทรชลัคกี้ ร่วมจัดตั้งจุดรับวัสดุรีไซเคิล 1 จุด ณ สามเหลี่ยมดินแดง

พันธมิตรมหาวิทยาลัย

• มหาวิยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีและภูเก็ต), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางขุนเทียน) และมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระ

พันธมิตรรีไซเคิล

• บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รีไซเคิลขวด PET ของโครงการฯ จะรับผิดชอบในการจัดการกับขวดพลาสติกที่ถูกรวบรวมมาได้ โดย อินโดรามา เวนเจอร์ส มีภารกิจหลักในการดูแลกระบวนการรีไซเคิลตั้งแต่ขั้นตอนรวบรวมขวด PET ตลอดจนขั้นตอนการผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจว่า กระบวนการทั้งหมดผ่านมาตรฐานระดับสูงและปลอดภัยแก่ผู้บริโภค จากความร่วมมือของทุกพันธมิตร อินโดรามา เวนเจอร์ส เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำขวดเดินทางกลับสู่วงจรการบริโภคแบบ closed-loop ช่วยลดประมาณขยะจากขวดพลาสติกและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

• บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด (TBC) เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอลูมิเนียมชั้นนำของประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรในกิจกรรมการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่ระบบรีไซเคิลแบบวงจรปิด (Closed Loop Recycling) โดยที่กระป๋องใช้แล้วหลังการบริโภคจะถูกส่งเข้ากระบวนการรีไซเคิลได้ทั้งใบโดยไม่ต้องแยกชิ้นส่วนใดๆ ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกในห่วงโซ่อุตสาหกรรมของกระป๋องอลูมิเนียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบที่ริเริ่มเป็นรายแรกของประเทศไทย และเป็นเพียง 1 ใน 4 ประเทศในทวีปเอเชีย ที่มีกระบวนการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมในรูปแบบวงจรปิดอย่างครบวงจรภายในประเทศ โดยปัจจุบันมีปริมาณการเก็บกลับกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมากกว่า 1,000 ล้านใบ และยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 97% เมื่อเทียบกับการผลิตจากวัตถุดิบใหม่ ซึ่งความร่วมมือในกิจกรรมนี้ ยังส่งเสริม “โคคา-โคล่า” ทั้งความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมข้างต้น และด้านสังคม โดยการส่งมอบมูลค่าจากการรวบรวมกระป๋องอลูมิเนียมจากโครงการฯ เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นกระป๋องใบใหม่ และร่วมบริจาคเงินสนับสนุนมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผ่านโครงการ Recycle for Life ภายใต้ TBC เพื่อผู้พิการขาขาด โดยในปีที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมส่งวัสดุอลูมิเนียมใช้แล้วมาร่วมโครงการฯ กว่า 868 กิโลกรัม

พันธมิตรผู้สนับสนุนของรางวัล

• บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งของพันธมิตรในการส่งเสริมความยั่งยืน เราเข้าใจถึงความสำคัญของปัญหาขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปริมาณขยะให้น้อยลง ผ่านการมอบโค้ดส่วนลด LINE MAN Food 30% มูลค่าสูงสุด 100 บาทให้แก่ผู้เข้าร่วมรีไซเคิลในโครงการ รวมจำนวน 4,800 ใบตลอดระยะเวลาโครงการ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่ลงมือรีไซเคิล

                                                               ###

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้รับผิดชอบในกิจกรรมการตลาด และสองบริษัทพันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่าย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ 63 จังหวัด ทั่วประเทศ และ บมจ. หาดทิพย์ รับผิดชอบใน 14 จังหวัดภาคใต้

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทยดำเนินงานเคียงคู่สังคมไทยมากว่า 75 ปี ในฐานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ นอกเหนือจากแบรนด์ โคคา-โคล่า แล้วผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย ยังประกอบไปด้วย “โค้ก”, “แฟนต้า”, “สไปรท์”, “ชเวปส์”, “เอแอนด์ดับบลิว” รูทเบียร์ รวมถึงน้ำส้ม “มินิทเมด สแปลช”, “มินิทเมด พัลพิ”, “น้ำดื่มน้ำทิพย์”, และ “ชเวปส์" มิกซ์”

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages