“ขณะนี้เราเริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปี 66 ซึ่งโดยปกติตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนได้ดีทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ” นางสาวดารบุษป์กล่าว
ด้านนาย Bill Maldonado Chief Investment Officer, Eastspring Investments (Singapore) กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียจะมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยจะเห็นทุกภาคฝ่ายให้ความสนใจและระดมทุนในนวัตกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้เข้าเรื่อง Net Zero ทำให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก โดยจีนจะเป็นผู้นำการผลิตระบบพลังงานแสงอาทิตย์และครองห่วงโซ่อุปทาน อินโดนิเซียสร้างสวนอุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นที่รองรับอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ผลิตแผงแสงอาทิตย์, แบตเตอรี่ลิเธียม และมาเลเซีย อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ทดสอบอัตโนมัติ ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดขยะได้ นอกจากนี้ยังจะเห็นบริษัทมีการออกนโยบาย ESG และมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัท มากกว่าใช้เงื่อนไขทาง ESG ในการคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น
สำหรับแนวทางการลงทุนของบลจ.อีสท์สปริงในปี 2566 นี้ จะเน้นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนหลากหลาย โดยมีธีมการลงทุนทั้งในส่วนของกองทุนต่างประเทศและกองทุนในประเทศ สำหรับกองทุนต่างประเทศนั้นประกอบด้วย 1.หุ้นกลุ่ม defensive ทั้งหุ้นปันผล, หุ้นผันผวนต่ำ รวมถึงหุ้นคุณภาพดีที่มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และมีผลการดำเนินงานไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจมาก จึงเหมาะกับการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) 2. เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย 3.ตราสารหนี้โลกคุณภาพดี และ 4.การลงทุนที่เน้นถึงความยั่งยืน (ESG) ขณะที่กองทุนในประเทศ ได้แก่ 1.หุ้นปันผลและหุ้นขนาดใหญ่ 2.หุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล และ 3.ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทย (REITs) ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มทรงตัว รวมถึงอัตราผลตอบแทน (yield) และส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (yield spread) อยู่ในระดับน่าสนใจราว 6.5%, 3.5% ตามลำดับ
กองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class C Acc USD ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80% ในรอบบัญชี กองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหุ้นทั่วโลกโดยใช้ปัจจัยเชิงปริมาณโดยให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและโมเมนตัมที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นโลก MSCI Ac World ด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่า โดยจะคัดเลือกหลักทรัพย์ประมาณ 250-350 เข้าพอร์ตลงทุนจากหุ้นทั่วโลกที่มากถึง 15,000 ตัว สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเน้นลงทุนได้แก่ กลุ่มสุขภาพ, สื่อสาร, สินค้าจำเป็น เป็นต้น
“จุดเด่นของ Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund อยู่ที่การคัดเลือกหุ้นในพอร์ตซึ่งจะตั้งต้นจากจำนวนหุ้นที่มากถึง 15,000 ตัวจากดัชนี S&P BMI Index ซึ่งจะสร้างโอกาสลงทุนได้ดี ประกอบกับทีมงานที่บริหารกองทุนดังกล่าวมีประสบการณ์เฉลี่ยราว 16 ปี นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ ดัชนีชี้วัด MSCI AC World Minimum Volatility Index โดยจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 2.96% และ 1.62% ตามลำดับ ในขณะที่ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 5.48% และ 4.57 % ตามลำดับ รวมถึงมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากในช่วงตลาดขาลง กลยุทธ์ดังกล่าว ฯ จะปรับตัวลงตามตลาดประมาณ 59% ขณะที่ตลาดขาขึ้นจะปรับตัวตามตลาดประมาณ 71% (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 – 31 ธันวาคม 2565) นางสาวดารบุษป์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#####
เกี่ยวกับ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์
อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในฐานะบริษัทจัดการสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย บริหารสินทรัพย์ในนามของผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนสถาบันทั้งหมดกว่า 222,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2564) เริ่มให้บริการครอบคลุมตลาดเอเชียตั้งแต่ปี 2537 อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค* มอบโซลูชั่นด้านการลงทุนสำหรับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนแบบผสม กองทุนเชิงปริมาณวิเคราะห์ (Quantitative)และสินทรัพย์ทางเลือก โดยมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่มีคุณภาพสูงแก่ลูกค้าในระยะยาว
การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ มีหน้าที่ในการพิจารณาส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติอย่างมีธรรมาภิบาลในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ให้สอดคล้องกับปรัชญาและกระบวนการการลงทุนของพวกเขา บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะปรับธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับโครงการความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นผู้ลงนามภายใต้ United Nations-supported Principles for Responsible Investment (PRI) ขององค์การสหประชาชาติ และ Asia Investor Group on Climate Change
*อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (ไม่รวมบริษัทร่วมทุน) เป็นบริษัทที่ถือหุ้นเต็ม / บริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดยอ้อม / บริษัทในเครือของพรูเด็นเชียล จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจในสหราชอาณาจักร ส่วนบริษัทต่างๆ ของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (รวมบริษัทร่วมทุน) และพรูเด็นเชียล จำกัด (มหาชน) มิได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับ พรูเด็นเชียล ไฟแนนเชียล อิงค์ (Prudential Financial. Inc) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีถิ่นที่ตั้งทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือกับ Prudential Assurance Company ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ M&G plc ที่จัดตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร
No comments:
Post a Comment